ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๙
อุบาสิยไม่อาจพระใคร่ครวญ
ดูก่อนภิกษุหลาย ถ้าลบตรออกจากฉลากก็ย่อพเป็นธรรมชาติและภิกษุหลายนั้นอ้อตรงมิวิตบัติที่ตาตาประกาศแล้ว เจริญเมตตา กุศล มุทิตา อุเบกขา ได้ความระงับลงในสันดานตน ฉันนั้น
ม.ม. (พุธ) มก. ๑๙/๒๙
๔.๒ ธรรมดาเมฆ คือ ฝนที่ตกลงมายอ่ม ดับความร้อนในแผ่นดิน ฉันใด ภิกษุผู้ปรารถนาความเพียรก็ควรดับความทุกข์ร้อนทางโลกด้วยเมตตากาวนา ฉันนั้น
มิน.๔๘๙
๔.๓ ธรรมดาน้ำอ่อนแอผ่อความเย็นไปให้คนดีและคนเลวก็โดยเสมอกัน ชะล้างมินิ คือ ธุลีออกได้ แม้ฉันใด แม่ท่านก็นั้นเหมือนกัน จงเจริญเมตตาให้สมใจในชนที่เกื้อกูล และไม่เกื้อกูล ท่านถึงความเมตตามีแล้วจึงบรรลุพระสัมโมภิฐานได้
ข.อ. (โภช) มก. ๗๐/๕7
๔.๔ ธรรมดาตายอยู่เน่ในนรก ฉันใด ภิกษุผู้ปรารถนาความเพียรย่อมอยู่ด้วยเมตตา ฉันนั้น
มิน. ๒๖
๔.๕ ธรรมดาน้ำอ่อนตั้งอยู่ตามสภาพ คือ ความเย็น ฉันใด ภิกษุผู้ปรารถนาความเพียรควรเป็นผู้ทำความเย็นให้แก่ผู้อื่นด้วยขัดติ และความไม่เมียดเมียน ด้วยความเมตตา กรุณา ฉันนั้น
มิน.๔๒๙
๔.๖ ธรรมดาสารย่อมขอนอนแผ่ในคู่ร้อน ฉันใด ภิกษุปรารถนาความเพียรก็ควรทำกับใจที่ร้อนตื่นเต้นด้วยเมตตามอาจุุมเย็นอยู่เสมอ ฉันนั้น
มิน. ๔๗๗
๔.๗ ธรรมดาพังพอนเมื่อจะไปสังกุย ย่อมอบตัวด้วยยาเสียดก่อนจึงเข้าไปใกล้ฉันใด ภิกษุผู้ปรารถนาความเพียร เมื่อจะเข้าไปใกล้โลกอันน่าไปด้วยปัญญา (ความขัดใจ) ความโกรธ และความอามาต้อนครอบงำด้วยขาดหมง การทะเลาะเบาะแว้ง ก็หาได้ยาก คือ เมตตาใยยาก่อน จึงจะทำให้โลกดับความเร้าร้อนเสียได้ ฉันนั้น
มิน. ๔๕๕
๔.๘ บุคคลพึงมีเมตตาในตนคนเดียวผู้เป็นที่รัก ฉันใด ภิกษุพึงมีเมตตาในสัตว์ทั้งปวงในทุกที่ทุกสถาน ฉันนั้น
ข.เณร (เณร) มก. ๕๐/๒๓