ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๓
อุปมาเปรียบเทียบจากพระไตรปิฏก
๒.๒๒ พระบรมศาสดาตรัสว่า กิจที่คณะฝ่ายสามควรรีบทำ ๓ ประการคือ
๑. ต้องเร่งรีบใครคราดาให้เรียบร้อย
๒. ต้องเร่งรีบเพาะพักลงไปตามกาลที่ควร
๓. ต้องเร่งรีบเข้าไปรับบ้าง ระบายน้ำออกบ้างตามกาลที่ควร
ถ้าผู้ชาวนานั้น ไม่มีฤทธิ์ หรืออาศุภาพที่จะบันดาลว่าวันนี้แล้วเอาข้าวเปลือกของคณะฝ่ายสามควรเกิดรุ่งรุ่ง มะรืนนี้ง่วงหงายได้ แท้ที่จริงข้าวเปลือกของคณะฝ่ายสามควรเกิดในระยะเวลาของฤดูที่จะเกิดขึ้น ออกกรมและภูไม้ ฉันใด ก็จักริกฤตต้องรีบทำ ๓ ประการนี้ ก็นั่นนั้น คือ
๑. การสมาทานอธิศาสนา
๒. การสมาทานอธิจิตศาสนา
๓. การสมาทานอิฐปัญญาศาสนา
ภิญฺญานนั้นไม่มีฤทธิ์ และอานุภาพที่จะบันดาลว่าวันนี้ รุ่งนี้หรือริ่งนี้ จิตของเราจงหลุดพ้นจากอาเจาะเพราะไม่มีอั้น
ณัฏฐิก. (พุทธ) มก. ๑๓/๕๔๙
๒.๒๓ พระพุทธองค์ทรงนับตัวอย่างถึงท่อนที่มีบรรจุโยนขึ้นไปในอากาศ เมื่อตกลงมา
บางครั้งก็เอาโคลงมาขว้าง บางครั้งก็เอาดนตกลงมาขว้าง บางครั้งก็เอาบายลงมาขว้างเปรียบเสมือนสัตว์ทั้งหลายที่อออกวิชาชาติรอบข้างอยู่ บางครั้งเมื่ออละจากโลกนี้แล้วก็ไปสู่โลก
บางครั้งก็จะจากปรโลกสู่โลกนี้ ลักษณะไปมาเช่นนี้ เพราะเหตุที่ยังไม่ระลัสึกแจ้งในอรสิลรส ๔.
สังฆ. (พุทธ) มก. ๑๓/๕๔๒
๒.๒๔ เมื่อพระบรมศาสดาตรัสต้องการแสดงหนทางแห่งการพันทุกของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ให้หลากกินได้ทราบ พระพุทธองค์ทรงกล่าวถึงหลายว่า บุคคลควรทำอย่างไร ถ้าผ้าที่สวมใส่อยู่ไฟไหม้ หรือศีรษะกำลังถูกไฟไหม้
ภิญฺญาทั้งหลายควรที่จะดับไฟผ้าหรือที่ศีรษะนั้น ด้วยความพยายามอุด สะเทาะ ไม่ย่นยอท้อยออวย และมัติสมบัชชัยอย่างแรงกล้า
พระบรมศาสดาตรัสว่า บุคคลควรวางเฉพาะในสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วริบแสงหาการตรัสรู้ธรรมให้เห็นอริยสัจ ๔ ด้วยความพยายามอุดสะเทาะ ไม่ย่นยอท้อยออวย และมัติสมบัชชัยอย่างแรงกล้า
สังฆ. (พุทธ) มก. ๑๓/๕๕๓
๒.๒๕ พระเจ้ามิลินต์ตรัสถามพระนาคเสนว่า วิริยะ คือ ความเพียร มีลักษณะอย่างไร
พระนาคเสนพูดตอบว่า คึกคอธรรมทั้งสิ้น มีความเพียรอยู่แล้วไม่เสื่อม เหมือนเรือที่จะลำแล้วลูกไม้คาไว้