ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๐๙๗
อุบาสนาไม่จจากพระไตรปิฎก
๓.๑ ธรรมดากระแตเมื่อพบคัตกุ่ยอ่อนพอกหางขึ้นให้เนน้อยเพื่อออกสู้กัตต ถ้าใด ภิกษุ
ผู้ปรารถนาความเพียรก็นั้น เมื่อเกิดคัตกุ่ย คือ กิเลสขึ้นก็พองหาง คือ สติปัฏฐานให้เนน้อยขึ้นกันกลาง
กิเลสทั้งปวงด้วยหาง คือ สติปัฏฐาน
ข้อสืบสานคำของพระสุปบุณณกเถระเจ้าว่า เมื่อเดี๋ยวละทำลายคุณเกิดขึ้นในเวลานั้น เวลา
ภิกษุปรารถนาความเพียรก็พอหาง คือ สติปัฏฐานขึ้นน้อยๆ ฉนั้น
มิลิน. ๑๔๔
๓.๒ ธรรมดาแมลงมุ้งซักได้น้อยแล้วจงดู ถ้าหนอนหรือแมลงมาติในโยนทองก็จับ
กินเสีย ฉะใด ภิกษุปรารถนาความเพียรก็อารักขา คือ สติปัฏฐานซึ่งไว้ท้ายวกพังทั้ง ๖ ถ้าแมลง คือ
กิเลสตามติดก็รำคาญเสีย ฉนั้น
ข้อสืบสานคำของพระอนุรุทธเถระว่า เผดนทึกนาว่าวทั้ง ๖ อยู่ คือ สติปัฏฐาน
อันประเสริฐ เวลากิเลสสมดี้ทีเผดน คือ สติปัฏฐานนั้น พระภิกษุควรเวร่าเสีย.
มิลิน. ๕๕๕
๓.๓ ธรรมชาช่วงลงเล่าน้อยอิ่มใจ ฉันใด ภิกษุปรารถนาความเพียรวลกลางสู่ส
โบกธรณี คือ มหสติปัฏฐานอันเต็มเปี่ยมด้วยน้ำอันประเสริฐ คือ พระธรรมอันเย็นใจอันล่างไป
ด้วยดอกไม้ คือ วิมุตติ ควรเล่นอยู่ด้วยการพิจารณาสังขาร ฉันนั้น
มิลิน. ๕๔๘
๓.๔ ธรรมดาขาย่มลงเล่าน้อยอ่อนรักษาไม้ไอ้เพื่อดุลกูรณ์ที่คงให้ตรง ฉันใด ภิกษุ
ผู้ปรารถนาความเพียรก็อารักขาไม้ม่ำ คือ สติปัฏฐานไว้ในกายนี้ เพื่อทำจิตคงคอให้ตรง ฉันนั้น.
มิลิน. ๔๙๔
๓.๕ แก้วไพฑูรย์งาม เกิดเอง บริสุทธิ์ ๖ เหลี่ยม นายช่างเจริญโนดิแล้ว สุภาโลวา
สมส่วนทุกอย่าง มี่ด้ายเขียว เหลือง ขาว หรือ นวล ร้องอยู่ในนัน ฉันใด ภิกษุผู้นั้นนันเอง
เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้วไม่มิกเกลสร ปราศจากอุปกิเลสอ่อน ควรแก่การนาม ตั้งมั่น ไม่หวั่น
ไหวอย่างยิ่ง ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่ออนทัศนา.
ที.ส. (พุทธ) มก. ๑๑/๑๒๖
๓.๖ การละธรรมมินิวรรดด้วยอุปาจารสมาธิ และอัปปสงฆ์น เหมือนกันสาธารณะ
บนผืนผ้าด้วยไม้.
สังขพ(อรรถ) มก. ๒๓/๕๕