ข้อความต้นฉบับในหน้า
222
อุบาอุฒไม่จากพระใครอภัก
2.8 ฝนยอมร่างเรือนทีมมิได้ดี ฉันใด รากย่อมเสียจิตแรงที่ไม่ได้บรมแล้วได้ ฉันนั้น ฝนย่อมร่างเรือนทุ่มดีแล้วไม่ได้ ฉันใด รากย่อมเสียจิตแท้ที่บรมดีแล้วไม่ได้ ฉันนั้น.
ข.ร. (อรรถ) มก. 40/3
2.9 ดูก่อนจิต แต่ก่อนท่านเคยแนะนำวา จงสำรวมระวังเมื่อเวลาเทียบไปบิณทบตาม ระหว่างตรอก อย่ามีใครเกี่ยวข้องในระกูล และกามรมณ์ทั้งหลาย เหมือนพระฉันทในวันเพ็ญ เว้นจากโทษ จะนั่น.
ข.ร. (เผาะ) มก. 55/201
2.10 ท่านทั้งหลาย จนยินดีในความไม่ประมาท จงตามรักษาจิตของตน จงถอนขึ้นจาก หล่ม ประหนึ่งช้างที่ลงลงในเปอกมด ถอนตนขึ้นได้ จะนั่น.
ข.ร. (พุทธ) มก. 43/253
3. ความสำรวมอินทรีย์
3.9 ผู้ตามเห็นอารมณ์ว่าไม่งาม สรรเสริญอินทรีย์ทั้งหลาย รับประทานในโภชนามีคราม และปราศจากความเพียรอยู่ ผู้นั้นและ มายอรมรราคาไม่ได้ เปรียบเหมือนภูเขาทิณ ลมรัครในไม่ได้ฉัน.
ข.ร. (อรรถ) มก. 40/2
3.2 อินทรีย์ทั้งหลายของภิกษุใดมีความสงบแล้ว เหมือนม้าสังนายสาธีดีแล้วฉันนั้น แม้เหล่าเทพเจ้าย่อมกระหยิ่มต่อภิกษุผู้นั้น ผู้มานะอันจะแล้ว ผู้หาอาสะมิได้ ผู้อาตอสาระมิได้ ผูกทุกข์.
ข.ร. (พุทธ) มก. 41/278
3.3 บูรพิพังเข้าไปสู่อิทพ์ที่มีนามว่า มาก รั้งหน้าบุรุษนั้นก็มีหนามรั้งหลัง ข้างหลังมีหนาม ข้างซ้าย มีหนาม ข้างขวามีหนาม ข้างล่างก็มหนาม ข้างบนก็หนาม บูรพ์นั้นมีสติท้าวเข้าไปข้างหน้า ถอยกลับข้างหลัง ด้วยคิดว่า หนามอย่าแทงเรา แม่ฉันใด
ดูอิทพ์ทั้งหลาย ธรรมคืออุบาย และสตภในโลกลิ เรากล่าวว่าเป็นหนามในวิ nizย์ของ พระอริยะเจ้า ฉันนั้นเหมือนกันแล.
ลัง สทฺ (พุทธ) มก. 28/445
3.4 ธรรมดาช้างย่อมมองตรงไปข้างหน้า ไม่ทันที่สายตา ฉันใด ภิกษุปาราว ความเพียรที่ไม่ควรเหลือดูทีเดียว ก็ไม่แทนหรือกัน ควรดูเพียงชั่วโมงเดียว ฉันนั้น.