ข้อความต้นฉบับในหน้า
อุ บามูปิมจากพระไตรปิฎก
๑.๔ คัรทามีความผ่องใสเป็นลักษณะ เหมือนน้ำที่ขื่นมัน ใสได้ด้วยแก้วเนื่องของพระเจ้า จักพรรดิ ฉะนั้น.
มิสน. ๔๙
๑.๕ ธรรมดากาลน้ำดูดขึ้นมาแล้วไม่ปล่อยนางลงไป ฉันใด ภิกษุผู้ปรารถนความเพรียง เมื่อเกิดความเลื่อมใส ก็ไม่ควรปล่อยความเลื่อมใสนั้นทิ้ง ควรทำให้เกิดความเลื่อมใสยิ่งๆ ขึ้นไปในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์.
มิสน. ๕๑
๑.๖ เปรียบเหมือนบูรดำน้ำไปในห้วงน้ำลึกแล้วพึงทุบมันเลยใส หรือมันน้ำมัน สิ่งใด่ม อยู่ในห้วงนั้น จะเป็นก้อนรวดหรือกระเบื้องก็ตาม สิ่งนั้นจะจมลง สิ่งใดเป็นเนยใสหรือน้ำมัน สิ่งนั้นจะลอยขึ้น ฉันใด
จิตของผู้ใดผู้หนึ่งที่อบรมแล้วด้วยศรัทธา ศีล สุตะ will scope-...
(ข้อความที่ไม่สมบูรณ์ในภาพ)
สงฺม. (พุทธ) มก. ๑๓/๒๓๖
๑.๗ ผู้ไม่มีศรัทธาในคุณธรรมทั้งหลาย ไม่มีกิริยา ไม่มีโอภาษะ ไม่มีวิริยะ ไม่มีปัญญา ผู้นั้น พึงรังเกียจความเลว เหนื่อยพระจันทร์ในภายหลังย่อมผ่านพ้นไป พระจันทร์ย่อมเจริญด้วยความสง่างาม.
ส่วนผู้ใดมีศรัทธาในคุณธรรม ผู้นั้นพึงหวังได้ความเจริญ เหมือนพระจันท์ในปักษ์ข้างขึ้น ย่อมผ่านพ้นไป พระจันทร์ย่อมเจริญด้วยความสง่างาม.
อัง.ทสก. (เถร) มก. ๑๘/๒๐๙
๑.๘ ขึ้นที่ลากรวชทรามก็สามารถลี้ยงอาการบริวารอยู่ในภูเขา พระบรมศาสดาเสด็จเข้าไปประทับยืนบนบาท พรามณ์ในกรุงทูลถาม ข้าพระองค์ได้ใด และหวานแล้วจงบริโภค แม้พระพุทธองค์จงใจ และหวานแล้วจงบริโภค
พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า พระองค์ใด และหวานแล้วจงบริโภคเหมือนกัน
(ข้อความส่วนนี้ไม่สมบูรณ์)
พรารมณ์กราณูว่า ไม่เห็นการไกลของพระบรมศาสดา
พระบรมศาสดาตรัสตอบว่า ศรัทธาเป็นพิช ขความเพียรเป็นฝน เป็นญาณของเราเป็นเอกและ ไถ่ ก็เป็นอนโถ ใจเป็นเชื่อ สติของเราเป็นผล และประติ
(ข้อความไม่สมบูรณ์ในภาพ)
เมื่อจบพระธรรมเทสนา พรามณ์ขององค์พระรัตนตรัยเป็นสรณะไปตลอดชีวิต.