ข้อความต้นฉบับในหน้า
222
อุปมาอปมจากพระไตรปิฎก
๑.๒ ผู้มีปัญญา ๓ จำพวก
๑. บุคคลมีปัญญาดังม้อว่า คือ ขณะฟังธรรมหรือเมื่อเลิกฟังไม่สใจ เหมือนราณาดงลงไปบนหม้อว่า น้ำยอใสไม่ให้ขงอยู่
๒. บุคคลมีปัญญาดังหน้าดำ คือ ขณะฟังธรรมก็ใสใจ แต่เมื่อเลิกฟังก็ไม่ใสใจ เหมือนวางของไว้นด้าน ทูลขึ้นของนั้นก็ทดไป
๓. บุคคลมีปัญญามาก (เหมือนหมอหายใจ) คือ ขณะฟังธรรมหรือเลิกฟังยังใสใจอยู่ เหมือนเหน่งลงไปในหอ น้ำยออยู่
อัง.ติก. (พุทธ) มก. ๑๔/๙๘
๑.๓ คฤหบดิถวายตองการจะหว่านพี้พีช หว่านพิธีในถาดก่อน ครั้งหว่านในนานั้นแล้ว หว่านในนามาปกลาง ครั้งหว่านในนามาปากกลางนั้นแล้ว ในเวลา มีนตรีแข็ง เค็ม พื้นดินเค็ม พิงหว่านบางไม่หว่านบ้าง ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะที่สุดจัดเป็นอาหารโรดู ก่อนนานคามณี เปรียบเหมือนดี ฉันใด เรายอมแสดงธรรมอันในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมวรรพร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นชิงเก่า กิฏิ และกิฏิชน ของเราก่อน ฉันนั้น ฉันนั้นเพราะเหตุไร เพราะกิฏิ และกิฏิชนเหล่านี้ มีเราพเป็นทีพึ่ง มีเราเป็นสรณะอยู่
ดู่อนนายคามณี นาเวล มีดนแข็ง เค็ม พื้นดินเค็ม ฉันใด เรายอมแสดงธรรมแก่อัญ เดียวธี มณะ พราหมณ์ และปราณาหในที่สุด ฉันนั้น
สัง.สภา. (พุทธ) มก. ๒๙/๑๙๔
๑.๔ ธรรมดามหาสมุทรย่อมไม่รู้จักเต็มด้วยน้า อันไหลมาจากแม่ น้ำทั้งปวง อันได้แก่ แม่น้ำ คงคา ยมุนา อรุณีวดี สรวล ฯ เป็นต้น รวมทั้งน้ำฝนด้วย ฉันใด กิฏิผู้ปรารถนาความเพียรฺิ ไม่ควรอ้อมด้วยการเรียน การฟัง การจำ การศึกษาพระธรรมวินัย พระสุทรในพระพุทธศานา ฉันนั้น
ข้อเน้นสมกับพระพุทธวจนในมหาสุตโตมชาตกว่า โฟกให้หมูญา และไม้ ย่อมไม่อรึ่อ้อมด้วยเชื่อไฟ มหาสมุทรย่อมไม่รู้จักอ้อมด้วยน้า ฉันใด บันฑิตทั้งหลาย ก็ไม่รู้จักอ้อมด้วยคำอ้อนเป็นสุขาติฉันนั้น
มินิน. ๑๔๕
๑.๕ เมื่อถะโพนแตก พวกาละไดด้ออกกลิ้งอีกไป สมัยต่อมาโคร่งเก่าของตะโพชืออานะกะทายไป ยังเหลือแต่โคร่งลิม แม้ฉันใด ดูก่อนกิฏิทั้งหลาย พวกกิฏิในอนาคตกาล เมื่อ