การเข้าใจอาบัติและอิทธิฤทธิ์ในพระพุทธศาสนา ปัญจมสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย ปริวาร วัณณนา หน้า 97
หน้าที่ 97 / 288

สรุปเนื้อหา

เนื้อหานี้พูดถึงอาบัติซึ่งประกอบไปด้วยมูลกายและวาจา รวมถึงการไม่รู้จักเหตุและวัตถุของอาบัติ นอกจากนี้ ยังมีการอธิบายถึงอิทธิฤทธิ์ต่างๆ ที่กล่าวถึงในพระพุทธศาสนา โดยให้ความสำคัญกับการรู้จักสมณะ ๓ เพื่อสามารถดับอาบัติได้อย่างถูกต้อง เช่น การแสดงและการอยู่กรรม เป็นต้น การศึกษาเหล่านี้มีความสำคัญต่อการเข้าถึงความเปลี่ยนแปลงในจิตใจและการปฏิบัติที่ถูกต้องในพระธรรม.

หัวข้อประเด็น

-อาบัติ
-อิทธิฤทธิ์
-พระพุทธศาสนา
-ข้อปฏิบัติ
-วิธีการศึกษา

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - ปัญญามนต์ปลามกัด อรรถถภพระวัน ปริวาร วันฉนา - หน้าที่ 811 สูตรเท่านี้ ได้วิฉัณเช่นนี้ เราจักกล่าวสูตรและวิฉัณเช่นนี้ แต่เมื่อไม่กำหนดเองว่า "นี้เป็นคำต้น นี่เป็นคำหลังของโจทย์" นี้เป็นคำหลังของจิ่ง, ในนั้นโจทย์และจำเลย คำที่ควรเชื่อถือเท่านั้น คำที่ไม่ควรเชื่อถือเท่านั้น" ชื่อว่า ไม่กำหนดที่สุดแห่งคำของผู้อื่น. สองบทว่า อาปุตติ น ขนาติ ได้แก่ "ไม่รู้จักความต่างกันแห่งอาณัติ ๑ กองว่า "ปราชิตหรือสังฆามิสส" เป็นต้น บทว่า มูลิ มีความว่า มูลของอาบัติมี ๒ คือ กายและวาจา, ไม่รู้มูล ๒ นั้น. บทว่า สุมหยี มีความว่า สมฤฐานแห่งอาบัติ ๖ ชื่อเหตุ เกิดของอาบัติ, ไม่รู้จักเหตุเกิดของอาบัติ ๖ นั้น. คำอธิบายว่า "ไม่รู้ถ้าวัตถุ ของอาบัติมีปรากฏเป็นต้น" บ้าง. บทว่า นิรธี มีความว่า ไม่รู้จักเหตุดับของอาบัติอย่างนี้ว่า "อาบัติย่อมดับ คือ ย่อมระงับด้วยการแสดง, อาบัติสิ้น ด้วยการ อยู่กรรม." อันนี้ เมื่อไม่รู้จักสมณะ ๓ ชื่อว่าไม่รู้จักข้อปฏิบัติเป็นทางให้ ถึงความดับแห่งอาบัติ. วิฉัณในหมวด ๕ แห่งอิทธิฤทธิ์ พิจารณาดังนี้ :- ความว่า "ไม่รู้จักนี้ คือ อิทธิฤทธิ์ ๖ ชื่อว่าอิทธิฤทธิ์ มูล ๑๓ ชื่อว่ามูลแห่งอิทธิฤทธิ์ วิวาทิฤทธิ์ มีมูล ๑๒ อนเวทิฤทธิ์ มี
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More