ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ปัญจสมันตปลากกา อรรถถกพระวินัย ปิติราว วันนา - หน้าที่ 930
อย่างคือ ) วาจากำหนดนูปติ คำประธานที่ค้าง คำอุปภรรรมที่ เสร็จไปแล้ว.
ในกรรมสังกะ ๓ นั้น กรรมทั้งหลายอันท่านสงเคราะห์ด้วย ลักษณะ ๑ เหล่านี้ คือ วาจาที่สวดต่างโดยคำว่า "เทหยญาณ กเรยญ" เปนอาทิ ชื่อว่า วาจากำหนดนูปติ คำสวดประกาศต่างโดยคำว่า "เทติ กโรติ" เปนอาทิ ชื่อว่า คำประธานที่ค้าง คำอุปภรรรมที่เสร็จไปแล้ว.
กรรมทั้งหลายอันท่านสงเคราะหด้วยลักษณะ ๑ แม้นอีดก็ คือ ด้วยวัตถู ฎุตฺติ อนุสาวนา. จริงอยู่ กรรมที่พร้อมด้วยวัตถุด ร่วมด้วยอุปภรรรม และพร้อมด้วยอนุสาวนา จิงจัดเป็นกรรมแท้. ด้วยเหตุนัน ท่านอิงกล่าวว่า "กรรมสงเคราะห์มี ๓."
ขึ้นชื่อว่า บุคคลที่ส่งมานะเสียด ท่านกล่าวไว้ ๓ จำพวก
[๕๕๐] ได้แก่ บุคคล ๓ จำพวกที่สงเคราะห์ในงานเสียด ด้วยอำนาจ ลิงคานสานา สังวาสนานา และทับภรรรมานาสนา พึงทราบ (โดย มาถี่) อย่างนี้ว่า "ท่านทั้งหลาย จงวามสนติติกุณฺณีเสียด, บุคคลผู้ปรุงร้าย สงฺพึงให้ในสนติตี, สามเมนประกอบด้วยองค์ ๑๐ ภิกษุผู้ให้ในสนติตี, ท่านทั้งหลาย จงให้นสนติกญฺญู-สามเมนเสียด."
สง่า ติกุณฺญฺญู เอกาวิกา มีความว่า อนุสาวนอันเดียว ควรแก่ซน ๓ มีอุปชามัยเดียวกัน ต่างอาจารย์กัน โดยพระ