ความหมายของธรรมในพระพุทธศาสนา ปัญจมสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย ปริวาร วัณณนา หน้า 53
หน้าที่ 53 / 288

สรุปเนื้อหา

บทนี้พูดถึงการฟ้องร้องและความหมายของการเป็นโจทก์และจำเลยในแง่มุมของธรรมที่สำคัญในพระพุทธศาสนา โดยแสดงให้เห็นความสัมพันธ์และบทบาทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทางกฎหมายและธรรมะ พร้อมทั้งการพึงระลึกถึงการประพฤติปฏิบัติที่ต้องมีธรรมเป็นพื้นฐานในทุกกิจกรรมของผู้ปฏิบัติ รวมถึงการชี้ให้เห็นความสำคัญของการมีคุณธรรมในกระบวนการแบบนี้ ซึ่งยังคงมีความสำคัญตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน.

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของธรรมในพระพุทธศาสนา
-บทบาทของโจทก์และจำเลย
-การฟ้องร้องในแง่มุมของธรรม
-คุณธรรมและความเป็นธรรม
-พระสาทานและการปฏิบัติธรรม

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - ปัญญา สมันตปลากาก อรครถพระวันย์ ปรีวิตา วันเดือนา - หน้าที่ 767 ภูมิใจ ฟ้องภูมิอื่นด้วยวัตถุหรืออามาติ ภิกษุนั้น ชื่อว่าโจทก์ ฝ่ายภูมิใจ ถูกฟ้องอย่างนั้น ภิกษุนี่ ชื่อว่าจำเลย ภูมิภูมิไม่ต้องอยู่ในธรรม ๕ ประการ ฟ้องด้วยวัตถุไม่จริง ชื่อว่า ผู้ฟ้องไม่เป็นธรรม ภิกษุเจ้าลุกโจทก์นั้นฟ้องอย่างนั้น ชื่อว่า ผู้ถูกฟ้องไม่เป็นธรรม โจทก์และจำเป็นธรรม พึงทราบโดยปริยายอันแผกกัน บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรมทั้งหลาย อันเท่ห์โดยความเป็นธรรม ผิดกี้ อันเท่ห์โดยความเป็นธรรมชอบก็ดี ชื่อว่าผู้เท็จ บุคคลผู้แกล้งไป ชื่อว่าผู้ไม่เท็จ พระสาวกทั้งหลาย ชื่อว่าผู้พอเพื่อต้องอามาติ พระพุทธเจ้า และพระปิ๋กพุทธเจ้าทั้งหลาย ชื่อว่าผู้ไม่พอเพื่อต้องอามาติ บุคคลที่ถูกสงสั่งลงลูกขนานธรรม ชื่อว่าผู้กลสงยักวัตร บุคคลที่ถูกสงสั่งลงกรรม ๕ อย่างที่เหลือ มิตซาชีนกรรมเป็นต้น ชื่อว่าผู้ถูกสงสั่งวัดคร จริงอยู่อภิคุณที่ถูกสงสั่งลงฉันธนียกรรมเป็นต้นนี้ ไม่ยังโอสุค หรือปราณาหธีอธรรมบริโภค หรืออาโมหสิบริโภคให้ดำริ เฉพาะบุคคลที่พระภากให้ฉิบหายเสียด้วยสงคนาสนานทัณฑ์ กัมมนาสานุเคราะห์ อย่างว่า "สงฆ์พึงยังเมตตายอภิคุณี ให้ฉิบหาย บุคคลผู้ประทุร้ายพึงให้ฉิบาย สมุนเทสชื่อว่าถูกนะ สงฆ์พึงให้ฉิบาย" ดังนี้ ชื่อว่าผู้อานสน บุคคลทั้งปวง
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More