การถือเสนาะในพระพุทธศาสนา จตุตถสมันตปาสาทิกา อรรถกถาพระวินัย จลุวรรค วรรณา หน้า 131
หน้าที่ 131 / 270

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาพูดถึงการถือเสนาะตามพระวินัย ที่มีการกำหนดให้ผู้บำรุงมีข้อกำหนดเกี่ยวกับความถี่ในการถวายปัจจัยในระยะเวลาที่แตกต่างกัน โดยมีการระบุระยะเวลาและจำนวนครั้งที่ถือว่าไม่เป็นอันตรามุกสำหรับการถวายปัจจัย รวมถึงการถือเสนาะภายในฤดูฝน โดยมีการพิจารณาและวินิจฉัยตามเวลาและฤดูกาลที่กำหนด โดยเฉพาะในตอนเข้าพรรษา

หัวข้อประเด็น

-การถือเสนาะ
-พระวินัย
-ปัจจัยในพระพุทธศาสนา
-ฤดูฝน
-กฎการบำรุง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - จุดดื่มสมุนไพรสากกะสา อรรถาธิบายพระวินัย อุตรวรรค วรรคา - หน้าที่ 539 มา ๘ เดือนแล้ว" เสนาะนะนั้นต้องให้ภิกษุผู้บำรุงมา ๘ เดือนนั้นแล้ว ส่วนในเสนาะนะใด พวกเจ้าของถวายปัจจัยปีละ ๒ ครั้ง, เสนาะนะนั้น ไม่ควรให้ถือเป็นอันตรามุกคะ ทุกคราวที่ล่วง ๖ เดือน. หรือว่าในเสนาะนะใด พวกเจ้าของถวายปัจจัยปีละ ๓ ครั้ง เสนาะนะนั้น ไม่ควรให้ถือเป็นอันตรามุกคะ ทุกคราวที่ล่วง ๔ เดือน. หรือในเสนาะนะใด พวกเจ้าของถวายปัจจัยปีละ ๔ ครั้ง, เสนาะนะนั้น ไม่ควรให้ถือเป็นอันตรามุกคะ ทุกคราวที่ล่วง ๓ เดือน. เพราะว่า เสนาะนะนั้น จักได้บำรุงด้วยปัจจัยแท้. ส่วนในเสนาะใด พวกเจ้าของถวายปัจจัยมากเพียงปี ละครั้ง, เสนาะนะนั้น ควรให้ถือเป็นอันตรามุกะได้. กฎว่า ด้วยวิธีถือเสนาะ ซึ่งมาในบาใต้ โดยวันเข้าพรรษา ภายในฤดูฝน เท่านั้น. [การถือเสนาะในฤดูภา] ก็คือชื่อว่า การถือเสนาะนี้ ย่อมมี ๒ อย่าง คือ คือ ในฤดู กาล ๑ ถือในวาสากาล ๑. [๒๕] ใน ๒ อย่างนั้น พึงทราบวินิจฉัยในฤดูเก่า ก็คือ อาคันดูบางพวกมาในเวลเช่า, บางพวกมาในเวลาบ่าย, บางพวก มาในปฐมยาม, บางพวกมาในมัชฌิมยาม, บางพวกมาในปัจฉิมยาม ก็มี; พวกใดมาในเวลาใด, ภิกษุผู้เสนาะกาหปะ พึงให้ภิกษุ ทั้งหลายลูกขึ้นแล้วให้เสนาะแก่พวกนั้นในเวลานั้น เทียว ขึ้นชื่อว่า
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More