ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - จุดดลสมดุลปาสาทิก อรรถธรรมพระวินัย อุปวรรค วราณา - หน้าที่ 485
ต้องด้วยอำนาจแห่งสนฺไสยเป็นต้น ของภิญญูไม่แล้งไม่รู้ไม่อะไรเลย
เพราะเหตุนัน พระผู้มีพระภาคตรงหมายเอาความมีแห่งวิปปปีนี้ ด้วย อำนาจแห่งความแก่งคลั่งไม่แก่ง ในปฏิเปนติวิชชะนั้น จึงตรัสว่า
อาบัติอิทธิมงกุฏิเป็นอุปกุลี, ที่เป็นอุปกุลีวา, องค์ตรัสว่า
"อาปัตตาธริณ" เป็นกุลคฺส. คุยตะโยพึงบ้านได้แก่มาแต่ก่อนเอาพล่มฐาน และ
ปกไสญฺธรรมเทศนา ฐานังเป็นต้น ซึ่งเป็นอิตตะ: แต่กุศลจิตแม่อยู่ในริทยานที่ต้องนั้น ก็ไม่จัดเป็นอฏิจฺฉงอกแง่แห่งอาบัติ
ส่วนกายาวาจาที่เคลื่อนไหวเป็นไป โดยอำนาจวิปุญญาและ
วิวิฺญญุติ อนได้อนึ่งนั่นแหละ ยอมเป็นองค์แห่งอุตม์. ก็แต่ว่า
องค์นั้น จัดเป็นอพยากฏุ เพราะความที่องค์นั้นเป็นส่วนอันนบนั้น
ในรูปขนฺธึ
ก็และ ในคำว่า ยฺานานุโญ เป็นต้น มีเนื้อความดังนี้:-
จิตใดย่อมเป็นองค์แห่งอัต, รู้ย่อมรู้ด้วยองค์นั้น และรู้ย่อ
รู้พร้อมอยู่ กับด้วยอาการก็คว้าลังว่าว่า "เรากำลังจะล่วงวัตถูนี"
และแกลังก็อจใจ ด้วยอำนาจวิตกกมเมตนุ เหยียบย่ำด้วยอำนาจ
ความพยายาม ฝ่ายฝืน คือ ส่งจิตอันปรารถนาความรับเกียรติไป ย่อม
ก้าวล่วงไป คือ ย่อมต้องอาบัติอิทธิโด. [๒๖] วิจิกมะใจ
ของภิญญูนั้นผู้ก่าวล่วงด้วยประกอบอย่างนั้น วิจิกมะนี้ ท่านกล่าวว่า