ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - พระธัมม์บทฎกฉบับแปล ภาค ๑ - หน้าที่ 149
ปูชุนเป็นดังทองหยกย่อมเกิดแล้ว ย่อมไฟโรจน์
ซึ่งปูชนมีผู้มีหลาย ด้วยปัญญา ฉันนั้น..”
[แั่รรถ]
บรรดาบทเหล่านั้น กล่าวว่า สงกราธม์ คือ ในที่หยาก
เนื้อ อธิบายว่า ในกองหยากเออ สองบวงว่า อุอิตตสุ มี มาห- ปด คือ อันวบุคคลทั้งแล้ว ใกล้ทางใหญ่. กล่าว ว่า สลิตนี คือ
มีคลื่นหอม. กล่าวว่า มโนมัติ มีอาระหว่าใจยอมรับในดอกบัววันนี้ เหตุฉับดอกบัวนั่น ชื่อว่า เป็นที่รัมนิยะแห่งใจ. กล่าวว่า สงกร-ภูติสุด คือ เป็นดังหยกเออ. กล่าวว่า ปูชุนา ความว่า ซึ่ง โลกยามหาหมู่หลาย ผู้มีชื่อเป็นได้แล้วอย่างนั้น เพราะยิ่งโลหสนา ให้กะ.
พระผู้พระภาคตรัสคำนี้ว่า "ดอกบัวมีกลิ่นดี พึ่งเกิดใน กองหยากเออ อันบุคคลทั้งแล้ว ใกล้ทางใหญ่ แม้ไม่สะอาดน่าเกลียด ปฏิกูล, ดอกบัวนั้น พึ่งเป็นที่ชอบใจ คือ พึ่งเป็นของน่าใคร่ พึ่งใจ
ได้แก้ พึ่งเป็นของควรประดิฐฐ์ไว้ให้แก่ระหว่ามเนืองอิสระน ทั้งหลาย มีพระราชาและมหาตายของพระราชาเป็นต้น ชื่อ ฉันใด; สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ภิกษุญาติสนาสพ ก็ฉันนั้น เหมือนกัน. เมื่อปูชน แม่เป็นดังทองหยกเออเกิดแล้ว, แม้เกิดใน ระหว่างแห่งมวลมหา ผู้ไม่มีปัญญา ไม่มีอุ้งยิ้ม ย่อมไฟโรจน์ล่วง ด้วยกำลังแห่งปัญญาของตน เห็นโทษในภาพหลาย และอนาสงส์
ในการออกบวช ออกบวชแล้ว ย่อมไฟโรจน์ล่วง แม้ด้วยคุณลักษณะที่