ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค-พระจันทร์ทัศนีแปล ภาค ๑ หน้า 201
ของชาวนั่นแล้วก็จักจับชาวนั่น, เว้นเราเสีย คนอื่นซื่อว่าเป็น
พยานของชาวนั่นจักไม่มี; แม้อุปปรัชญาแห่งโสดาปัตติผลมรรต ของ
หวานนั่นก็ค่อย ๆ ไปขึ้นนี้หย่อมครร." ฝ่ายชาวนั่น ไป
เพื่อไดนาเดนเชตุ. พระศาดา มีพระอานนทะเกะเป็นปัจฉาสมณะ
ได้เสด็จไปในนันแล้ว ชาวนาเห็นพระศาดาแล้ว ไปถวายบังคม
พระผู้พระภาคเจ้าแล้วเริ่มไณนอีก. พระศาดา ไม่ตรัสอะไร ๆ กับ
เขาเสร็จไปยังที่ ๆ ทุ่งเศรษฐีพันหนึ่งตก ทอดพระเนตรเห็นนั่นนั่ง
แล้ว จึงตรัสกะแพระอานนทเกะว่า "อานนท์ เธอเห็นไหม อสริพิ."
พระอานนทเกะ ทูลว่า เห็น พระเจ้าข้า อสริพิราช. ชาวนา
ได้ยินถ้อยคำนี้ คิดว่า "ที่นี่เป็นที่เที่ยวไปในเวลาหรือไม่เวลา
แห่งเรา, ได้ยินว่า อสริพิมีอยู่ในนั้นนั่น" เมื่อพระศาดาสตรัส
คำมีประมาณเท่านี้หลีไปแล้ว, จึงถือเอาคำบู๊กเดินไปด้วยด้วยใจ
ว่า "จักนำอารพิในนั่น" เหน็ดถุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่ง แล้วคิดว่า
"คำนั้น จักเป็นคำอันพระศาดาสรหายว่ามายอุงบรรจุทรัพย์พันหนึ่ง
นี้" จึงถือเอาบรรจุทรัพย์พันหนึ่งนั่นกลับไป เพราะความที่ตนเป็น
คนไม่ลดละ จึงซ่อมมันไว้ในที่สมควรแห่งหนึ่ง กลบด้วยฝุ่นแล้ว
เริ่มจะไดนาอีก.
[ชาวนากับจับไปประหารชีวิต]
แม้พวกมนุษย์ เมื่ออาศรสีว่างแล้ว เห็นกรรมอันพวกโจร
กระทำในเรือน จึงเดินตามรอยเท้าไป ถึงนั่นแล้ว เห็นที่ ๆ พวก
โจรแบ่งชิ้นทะกันในนั่น ได้เห็นรอยเท้าของชาวนาแล้ว. มนุษย์