ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - พระอุ้มปทีปตุ๊กตาแปล ภาค ๑ - หน้าที่ 216
ข่มขื่นกระทำกรรมอันบนปราถนาแล้ว ก็หนีไป ครั้งนั้นแผ่นดินใหญ่ผู้ประดว่ามิอาจจะแรงโทษของเขาไว้ได้ แยกออกเป็น ๒ ส่วนแล้ว เขาเข้าไปสู่นั่นไปเกิดในอเวจีมนุษย์แล้ว ฝ่ายพระเณรี บอกเนื้อความนั้นแก่กุญฑน์ทั้งหลายแล้ว พวกกุญฑน์ แจ้งเนื้อความนั้นแก่กุญฑ์ทั้งหลาย พวกกุญฑน์ กราบดูแลพระผู้มีพระภาค
[คนพาจประสบทุกข์เพราะมารอกรณ] พระศาสดา ทรงตรัสเรื่องนั้นแล้ว ตรัสเรียกกุญฑน์ทั้งหลาย มาตรัสว่า "ภูกุฑ์ทั้งหลาย บรรดิกุญฑ์ทั้งหลาย ภูกุฑ์ อูบาศ อูบิสา ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นพล เมื่อทำกรรมลามกา เป็นผู้เฒ่ารีริน เป็นประดุก ฟู้ง ๆ ย่อมทำได้ ประดูกุฑ์เดียวก็ร้อนรนของหวาน มีเจ้าถนึงนั้นฟัง และนึกดาลวกเป็นต้น บางชนิด" ดังนั้นแล้ว เมื่อจะทรงสิงอุณหรีแสดงธรรม ตรัสพระคาถานี้ว่า:- "คนพาล ย่อมสำคัญบาปประดูกุฑ์นั่นผิวพังเท่า ที่เขายึดมั่นไม่ให้ผล: ถึงเมื่อใด บาปให้ผล; เมื่อนั้น
คนพาล ย่อมประสบทุกข์." [แก้ธรร] บรรดาบิณฑบาตเหล่านั้น กล่าวว่า มธุรา เป็นดัง ความว่า กิ้มเมื่อ คนพากระทำบาป คืออุกปลกสกรรมอยู่ กรรมนัน่อมปรากฏดูด น้ำผึ้ง คืออุดหน้ำหวาน ได้แก่ประดูกุฑ์ปรารถนานใคร่นำชอบใจ คนพาลนั้น ย่อมสำคัญบาปนั้น เหมือนน้ำหวาน ด้วยประการฉะนี้.