ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๒ - พระฐัมปป์ทัฐจุลจิราภิบาล ๑ - หน้า ที่ 213
เห็นปานนั้น อันบุคคลควรระทําแท้ เมื่อจะทรงสนธิแสดงธรรม
จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :-
"บุคคลทำกรรมดีแล้ว ย่อมไม่ด้อยคอยใน
ภายหลัง เป็นผู้อิ่ม มีใจ ย่อมสะวยผล
ของกรรมใด กรรมนันแล อันบุคคลทำแล้ว
เป็นกรรมดี."
[แจ๊กอรอ]
บรรดาบาปเหล่านั้น สองกว่า ยี่ กฎา ความว่า บุคคล
กระทำกรรมใด คือกรรมที่สามารถอธิษฐานมั่นแห่งเทวาดาและ
สมบัติแห่งมนุษย์ และนิพพานสมบัติให้เกิด คือมีสุขเป็นกำไร ย่อม
ไม่ตามเดือดร้อน โดนที่แท้ บุคคลนั้น ชื่อว่าเป็นผู้ถือบำแงแล้วด้วย
กำลังแห่งปิติ และชื่อว่าเป็นผู้เจริญแล้วด้วย
กำลังแห่งโสมัส ในขณะที่จะลิง
ถึง ๆ เป็นผู้ถือบิใชและโสมัสในภาคต่อไป ย่อมสะวยผล ในทิฐู-
ธรรมนันเอง กรรมนันอีกบุคคลจะทำแล้ว เป็นกรรมดี คื่อเป็น
กรรมงาม ได้เกล้าสวย.
ในเวลาจะเทศนา การตรัสสู่ธรรมได้แก่ตัว ๗ หมื่น ๔ พัน
แล้ว ดังนี้แล.
เรื่องนายสมบูมลาการ จบ.