ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
ผู้ถึงความเต็มเปี่ยม
ามเต็มเปี่ยมของชีวิต
๒๓
“ต่อแต่นี้ไป ถ้าข้าพระองค์ยังไม่อนุญาตให้อะไรแก่ใคร แม้สิ่ง
เล็กน้อยเพียงเส้นด้าย ก็อย่าให้ใครนำาไปได้ นํ้าและไฟก็ไม่อาจ
ทําลายทรัพย์สมบัติทั้งหลายของข้าพระองค์ได้” ตั้งแต่นั้น
ท่านเศรษฐีได้ทําบุญจนตลอดอายุขัย ละโลกไปแล้ว ได้ไป
บังเกิดในเทวโลก
จนมาถึงในสมัยพุทธกาลนี้ ท่านเกิดในตระกูลเศรษฐี
มีชื่อว่า “โชติกะ” ในวันที่ท่านเกิด สรรพาวุธทั่วทั้งเมืองเกิด
แสงสว่างโชติช่วง ทั่วทั้งเมืองสว่างไสวไปหมด เมื่อถึงวัยที่จะ
ครองเรือน พระอินทร์ได้เสด็จมาจากเทวโลก เนรมิตปราสาท
๗ ชั้น ที่ทำด้วยรัตนะทั้ง ๗ มีกำแพง ๗ ชั้น แวดล้อมปราสาท
อย่างประณีตสวยงาม และทรงเนรมิตต้นกัลปพฤกษ์โดยรอบ
กำแพง มีขุมทรัพย์ทั้ง ๔ เกิดขึ้นที่บริเวณหัวมุมของกำแพง ที่ซุ้ม
ประตูทั้ง ๗ มียักษ์พร้อมด้วยบริวารนับพันคอยพิทักษ์รักษาอยู่
พระเจ้าพิมพิสารทรงสดับว่า ปราสาทแก้ว ๗ ชั้น
บังเกิดขึ้นเพื่อโชติกะ จึงพระราชทานฉัตรเศรษฐี แต่งตั้งให้เป็น
เศรษฐีประจําเมือง นอกจากนี้ เทวดายังนำนางแก้วจากอุตรกุรุ
ทวีปมาให้เป็นภรรยา นางแก้วได้ถือข้าวสารหนึ่งทะนานกับ
แผ่นศิลา ๓ แผ่นมาด้วย เมื่อจะหุงข้าวเพียงใส่ข้าวสารลงในหม้อ
แล้ววางไว้บนแผ่นศิลา แผ่นศิลาก็จะมีไฟลุกโพลงขึ้นทันที