ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
โมฆะของชีวิต
๓๖๕
ทุกข์ระทมก็กลับผ่องใสขึ้นมา เหมือนกระจกที่ขุ่นมัวด้วยฝุ่น
ละอองถูกขัดเช็ดทําความสะอาด ทำให้กลับสดใสแวววาวดังเดิม
พระฤๅษีจึงกล่าวขอบคุณพระโพธิสัตว์ว่า “ข้าแต่องค์อมรินทร์
ชีวิตของอาตมาที่รุ่มร้อนทุกข์ระทม ได้หายไปเหมือนเอาน้ำเย็น
ราดรดไฟฉะนั้น ใจของอาตมาไม่ขุ่นมัวอีกก็เพราะคำของท่าน”
เมื่อท้าวสักกะประทานโอวาทแล้วก็เสด็จกลับ ตั้งแต่บัดนั้นมา
ความโศกไม่เคยเข้ามากล้ำกรายหัวใจของพระฤๅษีได้อีกเลย
ทําให้ชีวิตของท่านอยู่ในเพศสมณะอย่างมีความสุข
จากเรื่องนี้จะเห็นได้ว่า ความโศกเศร้าเพราะพลัดพราก
จากคน สัตว์ หรือสิ่งของอันเป็นที่รัก อาจเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
ธรรมดา แต่สำหรับสัตบุรุษผู้มุ่งแสวงหาความบริสุทธิ์หลุดพ้น
เยี่ยงพระโพธิสัตว์ทั้งหลายแล้ว ท่านจะมองความโศกเศร้านี้
เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เป็นโมฆะของชีวิต เพราะจะทำให้ชีวิตสูญ
เสียกำลังใจไปเปล่าๆ เสียทั้งเวลาทั้งอารมณ์และความละเอียด
ของใจ หากเรายังไม่สามารถที่จะปลดปล่อยความเศร้าโศกได้
การที่จะก้าวไปสู่ความบริสุทธิ์ของใจนั้นก็ยาก ดังนั้น เราจำเป็น
ต้องปลดปล่อยวางเรื่องราวต่างๆ แล้วหมั่นฝึกใจให้หยุดนิ่งกัน
ทุกๆ วัน ใจจะได้หนักแน่น ชีวิตของเราจะได้มุ่งไปให้ถึงฝั่งแห่ง
พระนิพพานกันทุกๆ คน