ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
ผู้ข้ามพ้นวัฏฏะ
๒๔๑
ปุณณกะผู้เป็นปราชญ์ทูลถามต่ออีกว่า “ถ้าผู้บูชายัญ
เหล่านั้นข้ามพ้นชาติชราเพราะยัญของตนไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้น
ใครเล่าในเทวโลก หรือมนุษยโลกจะข้ามพ้นชาติชราในวัฏฏะได้”
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “ความอยากซึ่งเป็นเหตุให้
ดิ้นรนทะเยอทะยานของผู้ใดไม่มี เพราะได้เห็นแจ้งธรรมที่ยิ่ง
และหย่อนในโลก เราตถาคตกล่าวว่า ผู้นั้นมีจิตสงบระงับแล้ว
ไม่มีทุจริต ความประพฤติชั่วอันจะทำให้จิตมัวหมองดุจควันไฟที่
จับเป็นเขม่าไม่มีกิเลสอะไรมากระทบ เมื่อหมดความทะยานอยาก
จักข้ามพ้นชาติชราในวัฏฏะไปได้”
ครั้นพระบรมศาสดาทรงแก้ปัญหาอันลุ่มลึกที่
ปุณณกะได้ทูลถามแล้ว ปุณณกะเป็นผู้มีดวงปัญญาสว่างโพลง
เป็นปัญญาบริสุทธิ์ที่เข้าใจเนื้อความของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้
อย่างแจ่มแจ้ง ท่านมีธรรมจักษุบังเกิดขึ้น ทั้งจักขุ ญาณ ปัญญา
วิชชา อาโลโก แสงสว่างที่ไม่มีประมาณได้ขจัดความมืดในจิตใจ
ของท่านให้หมดสิ้นไป จนสามารถรู้แจ้งเห็นจริงในสรรพสิ่ง
ทั้งหลายไปตามความเป็นจริงได้ และกิเลสอาสวะถูกขจัดไป
สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ในครั้งนั้น
เมื่อได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้ดำรงอัตภาพจน
หมดสิ้นอายุขัย ครั้นดับขันธ์ก็ปรินิพพาน ถอดกายธรรมอรหัต