ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะ ประช
ผู้มีปัญญาย่อมไม่โศก
๓๒๖
มีวรรณะไม่ผ่องใส ร้องไห้ไปก็ไม่ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น หมู่ญาติมิตร
และเพื่อนของดิฉัน ก็จะไม่สบายใจตามไปด้วย ในขณะที่พี่ชาย
ของดิฉันถูกเผาอยู่ เขายังไม่รู้สึกถึงความโศกเศร้าของพวกเรา
เพราะฉะนั้นดิฉันจึงไม่ร้องไห้”
ท้าวสักกะได้ฟังคำของน้องสาวแล้วจึงถามภรรยาบ้างว่า
“เธอเป็นอะไรกับคนที่ตายไปแล้ว” “ท่านผู้มีอายุ เขาเป็นสามี
ของดิฉัน” ท้าวสักกะถามว่า “นางผู้เจริญ ธรรมดาสตรีย่อมมี
ความเสน่หาในสามี และหญิงหม้ายไร้สามี ย่อมเป็นคนไร้ที่พึ่ง
เพราะเหตุไร เธอจึงไม่ร้องไห้เล่า”
นางตอบว่า “ที่ดิฉันไม่ร้องไห้ เพราะคิดว่า ผู้เศร้าโศก
ถึงคนที่ล่วงลับไปแล้ว เปรียบเสมือนเด็กทารก ร้องไห้หมายจะ
เอาพระจันทร์ที่ลอยอยู่ในอากาศ เมื่อสามีของดิฉันถูกพวกญาติ
เผาอยู่ เขายังไม่รู้สึกถึงความโศกของพวกเรา เพราะฉะนั้น
ดิฉันจึงไม่ร้องไห้ เพราะร้องไห้ไปก็เปล่าประโยชน์”
ท้าวสักกะครั้นฟังค่าของภรรยาแล้ว จึงหันไปถามคน
รับใช้ว่า “เธอเป็นอะไรกะเขา” “ท่านผู้เจริญ เขาเป็นนายของ
ดิฉัน” “ถ้าเป็นอย่างนั้น เธอคงจะถูกเขาโบยตี หรือถูกบังคับให้
ทํางานหนักล่ะสิ เธอจึงไม่ร้องไห้ คงจะดีอกดีใจด้วย าไปใช่ไหม"
“ท่านผู้เจริญ อย่าได้พูดอย่างนั้นเลย นายของดิฉันเป็น