ข้อความต้นฉบับในหน้า
โทษของความประมาท
๒๐
พระอรหันต์ผู้เป็นทักขิไณยบุคคลทั้งหลาย เปรียบเสมือนนาที่
อุดมสมบูรณ์ ที่ทายกทายิกาผู้หวังผลคือบุญ ควรทำการหว่าน
เมล็ดพืชคือไทยธรรมลงไปในเนื้อนาบุญนั้น ผลทานนั้นก็จะ
บังเกิดอานิสงส์ใหญ่ ทำให้ไปเสวยสุขในโลกสวรรค์” และ
พระองค์ตรัสสอนอีกว่า “ผู้มีใจผ่องใสให้ข้าวและน้ำด้วยศรัทธา
ข้าวและน้ำนั้นย่อมสนับสนุนให้มีความสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ฉะนั้นพึงครอบงำามลทิน คือความตระหนี่ด้วยการให้ทาน
เพราะบุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งของสรรพสัตว์ทั้งหลายในปรโลก”
เราจะเห็นว่า ความประมาทเป็นอันตรายอย่างยิ่งในชีวิต
ท่านจึงกล่าวไว้ว่า ชีวิตของผู้ประมาทแล้ว เหมือนคนที่ตายไปแล้ว
คือตายจากคุณธรรมความดีทั้งหลาย เป็นชีวิตที่หาความเจริญ
รุ่งเรืองไม่ได้ เหมือนต้นไม้ที่ปราศจากราก นับวันมีแต่จะเหี่ยวเฉา
และตายลงในที่สุด
การสั่งสมบุญเพื่อแข่งกับเวลาที่หมดไป เป็นสิ่งที่ควร
ทำอย่างยิ่งเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเราไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต
สิ่งที่เราไม่ควรประมาทคือ อย่าคิดว่าเราไม่มีโรคภัยไข้เจ็บมา
เบียดเบียน ต้องหมั่นเตือนตนเองว่า เราจะต้องรีบสั่งสมบุญ
ในขณะที่ร่างกายกำลังแข็งแรงอยู่นี่แหละ ไม่ประมาทในการ
ทำงาน การงานทุกอย่างต้องทำให้ดีที่สุด ไม่ให้คั่งค้าง และก็ไม่
ผัดวันประกันพรุ่ง