ข้อความต้นฉบับในหน้า
สิ่งที่บรรพ
บรรพบุรุษ รอคอย
๓๑๔
ความวิบัติอันเป็นโทษทางกาย ๓ ประการคือ
การฆ่า การลัก การประพฤติผิดในกาม และโทษทางวาจา
๔ ประการคือ พูดโกหก หยาบคาย ส่อเสียด เพ้อเจ้อ และ
โทษทางใจ ๓ ประการคือ อภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ
ย่อมมีวิบากเป็นทุกข์”
การกระทำทุกอย่างของเราล้วนมีผลทั้งสิ้น ไม่ว่าจะด้วย
ความคิด ด้วยคําพูด หรือด้วยการกระทำ ทั้ง ๓ ทางนี้ให้ผล
ทั้งดีและชั่ว ขึ้นอยู่กับการประกอบเหตุ ถ้าทำดีก็เกิดผลดีมีสุข
เป็นกำาไร ถ้าทำชั่วก็เกิดผลไม่ดีมีทุกข์เป็นกำไร เราชาวพุทธ
เข้าใจเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว และคุ้นเคยในเรื่องการอุทิศส่วนกุศลไป
ให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งท่านเหล่านั้นที่ไปเสวยสุขอยู่ในสุคติโลก
สวรรค์ก็มี ไปรับกรรมอยู่ในอบายก็มี เรื่องนี้พระยามิลินท์เคย
ตั้งข้อสงสัย ตรัสถามพระนาคเสน ซึ่งเป็นพระอรหันต์ว่า
“ข้าแต่พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณ ทายกทายิกาทั้งหลาย
ในโลกนี้ เมื่อทำบุญมีทานเป็นต้น ย่อมอุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ทำ
กาลกิริยาตายไปแล้ว ปัญหาของข้าพระองค์มีอยู่ว่า คนที่ตาย
ไปสู่ปรโลกแล้ว จะได้รับส่วนกุศลที่ญาติได้อุทิศไปหรือไม่”
พระนาคเสนเถระ เมื่อสดับปริศนาของพระราชา จึงมี
เถรวาจาว่า “ขอถวายพระพร ที่ได้รับก็มี ที่ไม่ได้รับก็มี เพราะ