ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประช
โทษของผู้รังแก สมณะ
ကာက
ทำอยู่อย่างสม่ำเสมอ แม้จะพยายามบริกรรมภาวนาเท่าไร
แต่อุปปีฬกกรรมฝ่ายอกุศลเข้ามากางกั้นทำให้ไม่ได้บรรลุ
ทิพพโสต ท่านทำความเพียรอยู่ถึง ๓ ปี ก็ยังไม่บรรลุตามที่
ตนเองตั้งใจ จึงเกิดความสงสัยลังเลในตัวพระพุทธองค์ว่า
ท่านคงไม่รู้จริง คงรู้เพียงทิพพจักษุอภิญญาเท่านั้น เพราะเรา
ทำมา ๓ ปีแล้ว ยังไม่เห็นผลอะไรเลย พระองค์ก็ไม่บอกอะไร
เพิ่มเติมอีก ในใจจึงเกิดความเบื่อหน่ายในสมณเพศ อุปปีฬก-
กรรมก็บังคับให้ตัวท่านเกิดความคิดที่ไม่ดีเพิ่มขึ้นอีกว่า คงไม่มี
ประโยชน์อะไรแล้ว ที่เราจะบวชอยู่อย่างนี้ สู้เปลี่ยนไปนับถือ
ศาสนาอื่นดีกว่า เผื่อว่าจะได้บรรลุธรรมอย่างอื่นบ้าง
จะสังเกตเห็นว่า ชีวิตคนเรามาพบเจอขุมเพชรกองเป็น
ภูเขา กลับมองเห็นเป็นก้อนกรวด แม้มีตา แต่ถ้าใจบอด ก็เป็น
คนมืดบอดอยู่นั่นเอง ไม่มีทางบรรลุมรรคผลนิพพานได้เลย
เหมือนภิกษุรูปนี้ เมื่อเกิดความรู้สึกอย่างนี้ จึงลาสิกขาฝึกไปเป็น
คฤหัสถ์ เที่ยวแสวงหาอาจารย์ใหม่ กลับไปได้นิครนถนาฏบุตร
นักบวชนอกพระพุทธศาสนาเป็นอาจารย์ ซึ่งตัวเองเป็นมิจฉาทิฏฐิ
อยู่แล้ว ไปได้ครูที่เป็นมิจฉาทิฏฐิอีก ก็ทำให้ใจบอดมากยิ่งขึ้น
เมื่อสิ้นชีวิต จึงได้ไปบังเกิดในนรก ก็ด้วยอำนาจของอุปปีฬกกรรม
ฝ่ายอกุศลที่เข้าไปเบียดเบียนบังคับให้เห็นผิด จึงทำลายโอกาส
ที่ดีๆ ในชีวิตไป