ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาชน
สูจิโลมยักษ์
๔๓๘
บรรดาสิ่งทั้งหลายในโลกนี้ ล้วนไม่จีรังยั่งยืน และก็เป็น
ของชั่วครั้งชั่วคราว สมบัติที่มีอยู่เป็นเพียงเครื่องอาศัยให้ได้ใช้
สร้างบารมี เมื่อใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นต่อไปไม่ได้แล้วก็จํา
ต้องละทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ข้าวของแก้วแหวน
ที่หวงแหน หรือว่าจะมีบริวารมากมายเพียงไร ในที่สุดก็ต้อง
ละทิ้งจากสิ่งเหล่านี้ไป แต่กรรมที่เราได้ทําไว้ด้วยกาย ด้วยวาจา
ด้วยใจ กรรมนั้นแหละที่จะเป็นของๆ เรา ไม่ว่ากรรมดีหรือกรรม
ไม่ดี สิ่งนั้นจะติดตามตัวเราไปเหมือนเงาตามตัว และให้ผลได้
ทั้งในปัจจุบันชาตินี้ ในสัมปรายภพ และจะคอยให้ผลในภพชาติ
ต่อๆ ไป เพราะฉะนั้นควรที่เราจะเลือกสั่งสมแต่กรรมดีติดตัว
ไปในภพเบื้องหน้า
มีวาระพุทธสุภาษิตที่มาใน จูฬกัมมวิภังคสูตร ว่า
“บุคคลในโลกนี้ผู้มีความมักโกรธ มากด้วยความ
แค้นเคือง แม้ถูกว่าเพียงเล็กน้อยก็ขัดเคือง มีอาการบึ้งเคียด
มีความพยาบาทมาดร้าย เมื่อเขาตายจากโลกนี้ไป ย่อมเข้า
ถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก หากแม้นไม่เข้าถึงอบาย ทุคติ
วินิบาต นรก เมื่อไปสู่กำเนิดใด ก็จะมีผิวพรรณทราม”
คนมักโกรธหงุดหงิดโมโหง่าย มักจะมีกรรมอยู่อย่างหนึ่ง
ที่สังเกตเห็นได้ชัดคือ จะมีผิวพรรณหยาบกระด้างไม่ประณีต