ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาชll
วิบากกรรมของนักล่าสัตว์
๔๕๓
มีคนบางคนในโลกนี้ที่กลางวันท้าบาป กลางคืนท่าบุญ
เมื่อถึงคราวบุญและบาปส่งผล ก็ส่งผลเท่าๆ กัน คือกลางคืน
เสวยบุญ กลางวันเสวยวิบากกรรมอันเผ็ดร้อน แต่ระหว่างการ
เสวยสุขและทุกข์มันแตกต่างกันมากเหลือเกิน ไปรู้ตอนนั้น
ก็สายเกินไปเสียแล้ว จะมาบอกว่า รู้อย่างนี้ ชาติที่แล้วจะ
ไม่ยอมทําบาปเด็ดขาด จะทำแต่บุญกุศลอย่างเดียว ซึ่งก็ได้แต่
รำพึงเท่านั้นแหละ จะย้อนชีวิตมาแก้ไขไม่ได้อีกแล้ว เพราะเรา
ทำกรรมใดไว้ ก็ต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น เช่นดังตัวอย่าง
ต่อไปนี้
*ในสมัยพุทธกาล ครั้งหนึ่งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
ประทับอยู่ในพระเวฬุวันมหาวิหาร ทรงปรารภมิคลุททกเปรต
จึงตรัสเล่าให้พระภิกษุสงฆ์ฟังว่า ในกรุงราชคฤห์ มีพรานคนหนึ่ง
เที่ยวล่าเนื้อเลี้ยงชีพ สืบทอดอาชีพมาจากบรรพบุรุษของตน
สัตว์บางชนิดต้องออกล่าเวลากลางวัน บางชนิดต้องไปดัก
ซุ่มเวลากลางคืนถึงจะได้ นายพรานมีอุบาสกคนหนึ่งเป็นมิตร
อุบาสกพยายามชักชวนให้เพื่อนเลิกฆ่าสัตว์ เพราะมันจะเป็น
บาปติดตัวข้ามชาติ
*มก. เล่ม ๔๙ หน้า ๔๒๒