ข้อความต้นฉบับในหน้า
คิดกลับใจ ก็สายเสียแล้ว
๓๘
กว่าจะมารู้ตัวอีกที ก็สายไปเสียแล้ว
*ในอดีตกาล ณ กรุงพาราณสี มีตระกูลมั่งคั่งใหญ่โต
ตระกูลหนึ่ง เป็นตระกูลสัมมาทิฏฐิ มีความเลื่อมใสศรัทธาใน
พระพุทธศาสนา เมื่อบุตรของเศรษฐีชื่อ นันทิยะ เจริญวัยขึ้น
บิดาจึงได้สู่ขอนางเรวดีมาเป็นสะใภ้ของตน แต่นางเป็นคนไม่มี
ศรัทธา มีความตระหนี่ นันทิยะจึงไม่ปรารถนาที่จะแต่งงานด้วย
บิดาจึงออกอุบายให้นางเรวดีมาอยู่ในเรือนและให้นาง
แกล้งทำเป็นคนมีศรัทธา หมั่นอุปัฏฐากบำรุงพระภิกษุสงฆ์ นาง
จึงฝืนใจทำ ทั้งๆ ที่ใจจริงไม่ได้มีความเคารพเลื่อมใส นันทิยะ
เมื่อเห็นนางมีจิตเลื่อมใสแล้ว จึงยอมแต่งงานกับนาง
เมื่อบิดามารดาเสียชีวิตลง นันทิยะมอบความเป็นใหญ่
ให้ภรรยา ส่วนตนเองได้บำเพ็ญทานอย่างเต็มที่เป็นประจำ
ยิ่งทําก็ยิ่งมีศรัทธาเพิ่มขึ้น คราวหนึ่งเขาสร้างศาลาจตุรมุข
หลังใหญ่มี ๔ ห้อง ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน พร้อมด้วยตั่งเตียง
ที่นั่ง ที่นอน และอุปกรณ์ต่างๆ ครบถ้วนบริบูรณ์ในวันฉลองศาลา
ได้อาราธนาพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น
ประมุข เมื่อจะถวายศาลาจึงหลั่งน้ำทักขิโณทกลงบนพระหัตถ์
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
*มก. เล่ม ๔๒ หน้า ๔๑๙