ข้อความต้นฉบับในหน้า
บุพกรรมของพระพุทธเจ้า ตอนที่ (๑)
๒๕๐
เลื่อมใสในพระรัตนตรัย
เวลาฆฏิการะผู้เป็นอุบาสกมาชักชวน
ไปฟังธรรม จึงกล่าววาจาจ้วงจาบพระกัสสปพุทธเจ้าว่า “การ
ตรัสรู้ของสมณะโล้นจักมีมาแต่ที่ไหน เพราะการตรัสรู้ธรรมเป็น
สิ่งที่ทําได้โดยยากยิ่ง” ด้วยวิบากกรรมนั้น เมื่อมาในภพชาติ
ปัจจุบันนี้ ทำให้พระองค์ต้องใช้เวลาในการแสวงหาโมกขธรรม
นานถึง 5 ปี จึงได้ตรัสรู้ธรรม
เรื่องการที่พระองค์ทรงถูกคนอื่นใส่ร้ายทั้งๆ ที่ไม่เป็น
ความจริง เพราะภพชาติในอดีต พระพุทธองค์เคยเสวยพระชาติ
เป็นนักเลงชื่อว่า มนาฬิ เนื่องจากคบเพื่อนไม่ดี จึงเป็นคนเกเร
มาตั้งแต่เด็ก วันหนึ่งมุนาฬิไปเที่ยวป่ากับเพื่อนๆ เห็นพระ
ปัจเจกพุทธเจ้านามว่า สุรภี ผู้มีฤทธานุภาพมาก แทนที่จะเกิด
ความเลื่อมใส กลับรู้สึกขัดเคืองใจ เพราะเห็นว่าเอาแต่นั่งเฉยๆ
ไม่ได้กล่าวสอนใคร มีแต่รอรับอาหารจากคนอื่น จึงกล่าวด่าทอ
พระปัจเจกพุทธเจ้าว่า “ท่านเป็นพระทุศีล ห่มจีวรหลอกชาวบ้าน
ไม่ยอมทำมาหากินเหมือนคนทั่วไป มัวแต่เที่ยวเดินขออาหาร
จากชาวบ้าน โดยไม่มีความละอายแก่ใจ”
เพราะกรรมนั้น ทำให้ท่านต้องหมกไหม้อยู่ในนรก
ทุกข์ทนทรมานหลายพันปีนรก มาในภพชาติสุดท้าย หลังจากที่
ตรัสรู้ธรรมเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศพระสัทธรรม
ที่เป็นไปเพื่อความหลุดพ้นจากทุกข์อย่างแท้จริง ทำให้ลาภ