ข้อความต้นฉบับในหน้า
ธรรมะเพื่อประชาชน
โทษภัยจากคำส่อเสียด
๑๕๕
คือหากเข้าใกล้เกินไปก็นำแต่ความร้อนมาให้ ถ้าหากออกห่าง
เกินไป ก็อาจหนาวเย็น เป็นผลเสียทั้งสองด้าน
หากเราสามารถดำรงตนอยู่อย่างนี้ โดยไม่หลงเชื่อ
ถ้อยคำของคนที่มักส่อเสียด ชีวิตย่อมมีแต่ความสุขทั้งร่างกาย
และจิตใจ เหมือนเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล สมัยนั้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับอยู่ที่พระเชตวันมหาวิหาร ทรง
สดับว่า ภิกษุฉัพพัคคีย์พูดจาใส่ร้ายป้ายสีให้ภิกษุสงฆ์เกิดความ
บาดหมางกัน จึงตรัสเรียกมาถามว่า “จริงหรือเปล่าภิกษุทั้งหลาย
ที่พวกเธอพูดจาส่อเสียด ป้ายร้ายให้หมู่สงฆ์เกิดความแตกแยก
ทะเลาะวิวาท ขาดความสามัคคีกัน”
เมื่อพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ยอมรับ พระองค์จึงติเตียนว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าวาจาส่อเสียด เป็นของที่คมกล้า
ประดุจประหารด้วยอาวุธ หากถูกยุยงบ่อยๆ ความเหนียวแน่น
ปรองดอง ที่เคยมั่นคงก็จะแตกสลายไปได้ เพราะวาจาส่อเสียด
สามารถทำให้มิตรภาพที่ผูกพันกันมายาวนานต้องแตกสลายได้
เหมือนแก้วน้ำที่แตกแล้วไม่มีวันต่อให้ติดได้เหมือนเดิม หาก
พวกเธอพูดจาส่อเสียดอย่างนี้บ่อยเข้า ความบาดหมางใจที่ยัง
ไม่เกิดขึ้น ก็จะเกิดขึ้นมา ส่วนความบาดหมางที่มีอยู่แล้ว ก็จะ
เจริญมากขึ้น” แล้วพระพุทธองค์ทรงยกอุทาหรณ์สอนใจให้ฟังว่า