ข้อความต้นฉบับในหน้า
Dsuem ประชาช
จะเชื่อ ตอนเป็น หรือ จะเห็น ตอน ตาย
๓๔๕
ข้าพระองค์เอิบอิ่มด้วยทิพยสมบัติมากมายที่พระองค์ทรงอุทิศให้
มีความสุขยิ่งนัก” แล้วก็ทูลลาพระราชาไปสู่สุคติโลกสวรรค์
เมื่อเปรตทูลลากลับไปแล้ว พระเจ้าอชาตศัตรูจึงทูล
เรื่องนั้นแก่พระภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยเรื่องของเปรตเมื่อ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทราบนั้น พระพุทธองค์จึงทรงแสดง
ธรรมแก่พุทธบริษัทที่มาฟังธรรมในวันนั้นว่า “อริยมรรคมีองค์ ๘
มีในที่ใด เนื้อนาบุญก็มีอยู่ในที่นั้น พระสงฆ์เท่านั้นเป็นประมุข
ของผู้บูชา สังฆทานเป็นประมุขของผู้หวังบุญ พืชแม้มีจำนวน
น้อยที่บุคคลหว่านแล้วในนาดี เมื่อฝนโปรยลงมาโดยสม่ำเสมอ
ผลิตผลย่อมยังชาวนาให้เกิดความปลาบปลื้มใจ ฉันใด ทานแม้
น้อยที่บุคคลบริจาคแล้วในท่านผู้เป็นทักขิไณยบุคคล มีศีล
มีคุณความดี เป็นผู้คงที่ บุญย่อมมีผลมาก ฉันนั้นเหมือนกัน
ทานที่บุคคลให้แล้วในเขตใดมีผลมาก ควรเลือกให้ในเขตนั้น”
เมื่อมหาชนฟังธรรมแล้ว ก็สละมลทินคือความตระหนี่ เป็น
ผู้ยินดีในการทำบุญให้ทานยิ่งๆ ขึ้นไป
เมื่อทุกท่านรับทราบเช่นนี้แล้ว ก็อย่าได้ตระหนี่ อย่า
ประมาทในชีวิต ให้รีบหมั่นสั่งสมบุญให้เต็มที่ จะได้ไม่ต้องไป
เกิดในอบาย ไปรอส่วนบุญจากคนอื่นเขาอุทิศไปให้ ต้องให้ได้
ทิพยสมบัติมาด้วยตัวของเราเองจะดีกว่า ปัจจุบันนี้มีพระสงฆ์