ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๕ - มังก็ดตนนี้นี้แปล เล่ม ๑ หน้าที่ ๒๒
ที่ไปในสมง ฯ ผึดมีแก้ผู้นำความยำรงในสมง ฯ แต่การทำความยำรงในสมง ฯ เป็นการที่ทำได้จาก ถ้าผู้ใดแต่งไทยธรรมด้วยคิดว่า "เราจักถาวรทักษิณาไปในสมง ฯ" ไปยังจำานแล้วอีกว่า "ท่านเจ้าขา ขอท่านองค์ให้พระเถรรูปนี้จะจากสงฆ์" ครับได้สามเนตรจากสงฆ์ ย่อมถึงความเป็นอื่น (น้อใจ) ว่า "เราได้สามเนตร" ดังนี้ ทักษิณาของผู้นั้นย่อมไม่ชื่อว่าไปในสมง ฯ แม้เมื่อได้พระมหาเถรแล้ว ทำในสมง ฯ ให้กิดขึ้นว่า "เราได้พระมหาเถร" ทักษิณ (ก็) ไม่ชื่อว่่าไปในสมง ฯ เหมือนกัน ส่วนผู้ได้ไปปฏิคหกเป็นสมณฯ หรืออุปสัมบัน หนุม หรือผู้ใหญ่ พาล หรือบัณฑิต รูปใดรูปหนึ่งจากสมง ฯ เป็นผู้ไม่เคลื่อนแคล้ว อาจทำความยำรงในสมง ฯ ว่า "เราเอากแกสงฆ์" ทักษิณาของผู้นี้ชื่อว่าไปในสมง ฯ สมณะนี้เนื่องตะจากสงฆ์เป็น
ปุถุชน ปฏิปิคคลเป็นพระโลดาบน เมื่อบุคคลลำทำความยำรงในสมง ฯ ท่านที่ให้ในสมง ฯ นั้นก็เป็นทานมีผลมากว่า แม้ในคำนี้ว่า สมณะมีมติสนิทเจาะ (จากสงฆ์) เป็นพระโลดา- นั้น ปฏิคลิกเป็นพระสภาพามิ ถิ่นมี้เช่นเดียว แท้จริง เมื่อบุคคลออกทำความยำรงในสมง ฯ ท่านที่ออกแผ่ในสมง ฯ เป็นสิ่งที่ดีซึ่งนิมนต์เจาะ (จากสงฆ์) มีมากกว่าท่านที่ออกในพระจินาลพ โดยแท้ ก็คำใด พระผูมพระภาวคตรสรใว่า "มหาปิติ ทนที่ ถูายแก่ผูมีศีลแล มีผลมาก ที่ออกแก้ผูกีสุ หลามีผลมากอย่างนั้นไม่" คำนี้ พระองค์ตรัสเสร็จว่า "มหาปิติ ทนที่ ถูายแก่ผูมีศีลแล มีผลมาก ที่ออกแก้ผูกีสุ หลามีผลมากอย่างนั้นไม่"
คำนี้ พระองค์ตรัสเสร็จว่า "มหาปิติ ทนที่
[๒๒] ภุททาคติณาวารังสูตรนั้นว่า "บทว่า คุณสุขายา ความ