ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ม่วงคลีดำที่เป็นเปล เล่ม 3 - หน้าที่ 104
เธอพูดว่า "เธองทำตัดกรรรมซิ." เธอไปหยุดไม้สนไม้เมะเดือเป็นต้นมา ทำให้เป็นกองใหญ่แล้วถามว่า "บนี้ดี" (จะให้) กระผมทำอย่างไร ? พระเณรบอกว่า "เธองผกกับไม้เงินเสีย." เธอใส่ไฟเข้ามา ๕ ขั้น ก็ไม่อาจจะให้ไหมได้. พระเณรจึงกล่าวว่า "ถ้ากระนั้น เธอหลีกไป" แล้วทำบุญ (ให้แยกออก) เป็น ๒ ภาค แล้ว นำเอาไฟมีประมาณเท่าแสงที่ห้อยมาแค่เวที ใส่เข้าองไม้นั้น. ท่านผกองไม้ใหญงิ่งเพียงนั้นชั่วบาง เหมือนเผาไม้แห้งฉะนั้น. ลำดับนั้น พระเณรจึงแสดงออกเวที ยังความสงเวชให้เกิดแก่เธอว่า "ถ้าเธอจักสิก เธอจักไหมในเวทีนี้น." เธอจำเดิมแต่เวลาที่เห็นเวที ก็ครั้นรมอยู่ จึงได้ถามว่า "พระพุทธ-ศาสนาเป็นเหตุให้อสุภัตออกจากทุกข์หรือ? ขอตรับ."
ณ. เฑอ อาจโล.
ม. เมื่อพระพุทธศาสนาเป็นนิยานิกะ มิลักอิกำการเปลือง ตนให้พ้นได้, ท่านอย่าได้ควักเลยขอรับ. จำเดิมแต่บันมแล้วทำสมณะธรรมพาเพรียงรามบำเพ็ญวัตรปฏิบัติ. เมื่อความม่วงเบียดเบียน คิ้วงฟางก็เปื้อนใส่เหนื่อยรึเปล่า. นั่งท้องทางจงลุกไปสระ. วันหนึ่งเธอรองน้ำแล้ววางหม้อน้ำไว้ที่มา ได้ยินคอน้ำสะแดกขาดสาย. ลำดับนั้นแล พระเณรให้อุเทศน์นี้แก่สามเณรว่า:- "หยดยอ้มเจริญแก่บุคคลผูมีความมั่น มีสัตย์ มีการงานสะอาด มีปกติใคร่ครวญก่อนแล้วจึงทำ สำรวมแล้ว เป็นอยู่โดยธรรมและไม่ประมาท."