ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๑ มังคลัตถทีปิสนปล วิวสุทธน ๓
วิปสุดหนผล นี่ ก็นึ่งเหมือนกัน บทว่า อตฺตานยค คือ
ทำเจโตวิมุตติและปัญญวิมุติ ให้ประจักษ์ด้วยปัญญาของตน อันพัน
จากการอาศัยผู้อื่น และถือนานผู้อื่น แล้วได้รับบรรลุวานุได้
เล่าเรียนจากคำของผู้อื่น ประดูว่าให้แจ้งด้วยญาณ มีสุดญาณ
เป็นต้น อธิบายว่า หามีด้วยปัญญาอื่นเป็นญาณของพระสัมมาสัม
ณิฐิว่า หาใช้ด้วยปัญญาอื่นเป็นญาณของพระสัมมาสัม
เหตุนี้พระอรธรถกาจึงกล่าวว่า ’อปรปุญญาอญฺฺวา'
- [๒๓] ฐิตา สญฺญาสเล suppliersฺตรว่า “กว่าช ธิตา อภิวา อาสุกฺขย๎
ทูลสุดฺวา ความว่า พระผู้มีพระภาคเมื่จะทรงนำแนะธรรมจริยสม-
จริยา ให้เป็นอุปปติอันยังสัตว์ให้ถึงสุดฺฯ อนาคตวิภวา ให้เป็น
ขอปฏิปัติเถินจะยังสัตว์ให้ถึงความสร่างสะ อนาคตวิภวา ชื่อว่าทรง
แสดงธรรมเป็นถิ่นอนาสะ นงเทนาให้อบด้วยธรรมอันเป็นยอด คือ
พระอรธ ด้วยปรากฏนี้ สองบทว่า อิฐ ฐิวา คือ ชามาไว้ใน
ธรรมจริยสมมุติเทสนี่ สองบทว่า เทวโลก สมานุตพุทะ คือ
บัณฑิตพึงรวบรวมเทวโลก ๒๖ ชั้นมา สองบทว่า วิสิฏฺพรหมาโน
มีกว่าความว่า พรหมโลก ๒๐ ชั้น ด้วยสามารถแห่งพรหมหมื่นเนื่อง
ในภพนั้น ๆ บทว่า กุลสมูลปดิ มีความว่า พระผู้มีพระภาค
ทรงแสดงความบังเกิด (ในเทวโลก) เพราะคุณธรรมบังอันเป็นกรรม-
ปัจจัย และอุปนิสัย (ทั้ง ๒) และอันเป็นอุปนิสัยปัจจโยอย่าง
เดียว สองบทว่า ดินฺธาน สุจิตฺตา คือ แห่งสุจริตอันเป็นกามา-
พอ๎ ๓ ประการ. ก็ศิพลว่ากามาวจร ในบทสมาสนี้ ท่านกล่าว
โดยเพ่งโณสุจิร. พระอรรถถกาจารย์แสดงด้วยว่าพว่า วิปเทนวา