ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๕ - มังคลิตถา มีนเปลา เล่ม ๓ - หน้าที่ 206
ส่วนเจตนาของผู้บวชไล่เวร ชื่อว่าเป็นมงคล เพราะตรงกันข้ามจากเจตนา
ผู้บวชเวรนั้น ด้วยเหตุนี้ พระอรรถกาถถึงกล่าวไว้ในอรรถกถา
ว่า "คงงดและงดงามวันจากบาปนั้นเองหมดนั่น พระผู้พะภาค
ตรัสว่า ชื่อมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งการละมิกระวัติและ
เวร อันเป็นไปในทิฐิธรรมและเป็นไปในสัมปรายะในตัน และ
บรรลุคุณอเนมประการต่าง ๆ ก็เพราะเหตุที่บุคคลผู้บวชดื่นน้ำมา
ย่อมไม่รู้รรรมไม่รู้ธรรม ย่อมทำอันตรายแก่มารดา แก่บิดา ย่อม
ทำอันตรายแม้แก่พระพุทธ พระปัจฉกพระ และสาวกของพระตถาคต
ย่อมถูกครหาในทิฐิธรรม ถึงทิฐิในสัมปรายะ ถึงความเป็นบัวใน
ภพต่อ ๆ ไป ส่วนผู้ร่วมจากการดื่มน้ำมา ย่อมถึงความเข้าใจไปสม
โทษเหล่านั้น และคุณสมบัติตื่นตรงข้ามจากโทษนั้น เพราะฉะนั้น
ความสำราญการดื่มน้ำมานี้ บันฑิตพึ่งทราบว่าคืนมงคล."
[๕๖๗] จริงอยู่ แม้พระผู้บวชภาคเมื่อทรงแสดงธรรมแก่
ท่านอาดมินทิกะ ก็ดีรัสไว้ในปุริมยสูตร ในอุตตวจรรษ แห่ง
นิทานวรรออย่างนี้ว่า "ญาญร ๕ อย่างไรบ้าง ย่อมเป็นอันสงบ
ระงับแล้ว? คนตดี บุคคลผู้ปฏิบัติงสัริมปรนให้ลดลงไป ย่อม
ประสบภัยเวรใด อันเป็นไปในทิฐิธรรมบ่าง ย่อมประสายในเวรอัน
เป็นไปในสัมปรายะบ่าง ย่อมเสวยทุกข์โทมนัสอันเป็นไปในจิตบ่าง
เพราะปณาดิบาทเป็นปัจจัย ย่อมเวรนั้น สำหรับผู้เว้นขาดแล้วจาก
ปณาติบาด เป็นอนิจสงระงับได้อธิบายแล้วว่าด้วยเหตุนี้ คณะดี บุคคลผู้บวช