ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๕ - มังคลดิถีที่เป็นแปลง เล่ม ๓ - หน้า ๒๔๕
"เพราะการถึงสังเคราะห์ เป็นของ ชื่อว่า ญาณ ด้วยอำนาจแห่งการบริจาค ชีวิตแด่พระรัตนทั้ง ๑ ย่อมให้สมบัติโลวรัช ฉะนั้น การถึง สงษะแน่นจึงมีผลมาก แม้ว่าธาตุนั้น นับว่า มีผลมากแม้ว่าสงฆคนนั้นนั้น เพราะความไม่มีเหตุแห่ง เช่นกับ ด้วยศีล ๕ ดังนี้แล้ว เพื่อจะยังเนื้อความนั้นให้สำเร็จโดยบอก สี จึง แสดงบอกว่า "ภิกษุทั้งหลาย ทาน ๕ เหล่านั้น เป็นมาททาน เป็น ทานที่บูติฏว่ารัติคู่ รู้กันมากน รู้กันว่าเป็นวงศ์ (แห่งอริยะ) เป็นของเก่า อนันสมะหรือพรหมมะผู้เป็นวิญญูทั้งหลาย ไม่ลบ ล้างแล้ว ไม่เคลบล้างแล้ว ไม่ธ้องเกาะอยู่ จักไม่ธ้องเกาะอยู่ ไม่คัง คำแล้ว ทาน ๕ เป็นไฉน ? ภิกษุทั้งหลาย อธิษฐานในศาสนานี้ ละปาณาติบาตแล้ว ย่อมเป็นผู้ขาดจากปาณาติบาต, ภิกษุ ทั้งหลาย อธิษฐานผู้วัน ๆ ขาดปาณาติบาตแล้ว ย่อมให้ความไม่มีภัย ความไม่มีวรร เคราะห์ ความไม่เบียดเบียน แก่สัตว์ทั้งหลายสัขาย ๆ ได้แล้ว ครั้นให้ความไม่มีวรร ความไม่มีวรร ความไม่เบียดเบียน แก่สัตว์ทั้งหลายหาประมาณมิได้แล้ว ย่อมเป็นผู้ส่วนแห่งความไม่มีภัย ความไม่ มีวรร ความไม่เบียดเบียนหาประมาณมิได้, ภิกษุทั้งหลายนี้ เป็นมาททาน เป็นทานอันบริบูรณ์ว่าร่าเลิศ รู้กันมากน รู้กันว่าเป็นวงศ์ (แห่งอริยะ) เป็นของเก่า อนันสมะหรือพรหมมะผู้เป็นวิญญูทั้งหลาย ไม่ลบล้างแล้ว ไม่เคลบล้างแล้ว ไม่ร้งเกาะอยู่ จักไม่ร้งเกาะจอ่ย ไม่คัง คำแล้ว. ภิกษุทั้งหลาย ก็อ่อืนยังมืออยู่อธิษฐาน ละอันนานนาน แล้ว... ละถามสูจฉาจารแล้ว... ละมุสาวาทแล้ว... ละเหตุ