ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๕ - มังคัลดิถีที่เปรียบเสมอ ละเมอ ๓ - หน้า ที่ ๑๐๕
เธอได้น้อมคาถานั้นทั้ง ๔ บาทมาดในตอนนั้นแล้วว่า "อันคนผู้ซื้อว่า
มีความเมิน ก็คงเป็นคนเช่นเรา แม่มีศีล ก็เป็นคนเช่นกันกับเรา
นี้แสน ละ๗ แม้ผู้ไม่ประมาท ก็เป็นผู้ช่วยเรานั่นเอง" ครั้นอ้อม
คาถานั้นมาในตอนอย่างนั้นแล้ว ยิ่งอยู่ยิ่งกว่านั้นเอง ตัดสังโยชน์-
ธรรมอันเป็นส่วนเบื้องต่ำทั้ง ๕ เสียได้แล้ว ยังบรรลุและผลถึง ๑ ให้
บังเกิดขึ้น
เรื่องมิคสยะ ขบ.
[๕๘] ทึกปฏูชปนิลาส ในขันธวรรคั่นว่า "อุปิลัส
คือทาน ชื่อว่าทานปิลัสย์ นัยแม้อปนิรู้ยึดที่เหลือ ก็เหมือน
อย่างนี้ ในอุปนิสัย ๓ อย่างนั้น ทานปิลัสย์ ย่อมมีได้เพราะความ
ครอบงำเสี = ซึ่งความโลกอันมีกำลัง ในวัตถุทั้งหลายย่อเป็นดัง
เหตุนี้ บุคคลผู้มาใด้ด้วยทานปิลัสย์ ประกอบวิปัสสนาอยู่นิ่ง ๆ
ย่อมบรรลุอนาคามผลได้ในไม่ช้า เพราะเป็นผู้มีความตระเตรียมอัน
ได้กระทำไว้แล้ว ในเพราะการละเสียซึ่งกามรำคา บุคคลผู้มี
ศีลปิลัสย์อันบริสุทธิ์ก็เหมือนกัน คือ เมื่อประกอบวิปัสสนาเนื่อง ๆ
ย่อมบรรลุอนาคามผลได้ในไม่ช้า เพราะเป็นผู้มีความตระเตรียมอัน
ได้ทำไว้แล้ว ในเพราะอันเกิดแต่ไท้คือตามคุณ มีคำถามสด
เข้าส่าว่า ถ้าเมื่อทานปิลัสย์และศีลปิลัสย์ เป็นเหตุให้บุคคล
บรรลุอนาคามผลได้ในไม่ช้าอย่างนั้นไจริง เพราะเหตุไร อุปนิสัย
ทั้ง ๒ เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคดำรงคำว่า มีถ้ำผลา? พึงตอบว่า
'เพราะอุปิลัสย์ทั้ง ๒ นั้น เป็นปัจจัยแห่งวิปุญญาอย่างเดียว แท้จริง