ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 190
ความพินาศและความตั้งขึ้นใหม่ แห่งพุทธเกษตรนั้น พึงทราบ
ดัง (ต่อไป) นี้
[เตโชสังวัฏฏะ]
ก็ในสมัยที่กัปพินาศด้วยไฟ แรกทีเดียวมหาเมฆล้างกับ ตั้งขึ้น
ยังฝนใหญ่ห่าหนึ่งใต้ทั่วแสนโกฏิจักรวาฬ มนุษย์ทั้งหลายดีใจ นำ
เอาพืชทั้งปวงไปหว่าน แต่ครั้นข้าวทั้งหลายงอกขึ้น (ยาว) พอโค
กัดกินได้ เมฆนั้นก็ร้องเป็นเสียงลา ไม่ยังฝนให้ตกแม้แต่หยาดเดียว
ฝนเป็นอันขาดไปในกาลนั้น ซึ่งเป็นกาลที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมาย
ถึง ตรัสไว้ว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้นมีอยู่ ซึ่งเป็นสมัยที่ฝน
ไม่ตกหลายปี...หลายร้อยปี...หลายพันปี...หลายแสนปี" ดังนี้ สัตว์
ทั้งหลายผู้เป็นวัสสุปชีวี (อาศัยฝนเป็นอยู่) ก็ทำกาละไปเกิดในพรหม
โลก เทวดาจำพวกที่เป็น ปุปผผลุปชีวินี (อาศัยดอกไม้และผลไม้เป็น
อยู่) (ก็จุติไปเกิดในพรหมโลก) ด้วย ครั้นกาลนานไกลล่วงไปโดย
การขาดฝนอย่างนั้น น้ำในที่นั้น ๆ ก็ถึงซึ่ง
ๆ ก็ถึงซึ่งความสิ้นไป ทีนี้ปลาและ
เต่าทั้งหลายก็ค่อยๆทำกาละไปเกิดในพรหมโลกบ้าง แม้พวกสัตว์นรก
(ก็จุติไปเกิดในพรหมโลก) ด้วย อาจารย์พวกหนึ่งว่า "ในสัตว์
เหล่านั้น พวกสัตว์นรกย่อมพินาศ เพราะความปรากฏเกิดขึ้นแห่งสูรย์
ดวงที่ ๗๖
๑. องฺ. สตฺตก. ๒๓/๑๐๒.
๒. ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เป็นการยอมรับว่า ไฟนรกนั้นไม่เท่าไร สู้ไฟบรรลัยกัลป์ ที่เกิดแต่
สูรย์ ๗ ดวงไม่ได้ ?