ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ -
[อธิษฐานด้วยญาณ]
- หน้าที่ 122
ส่วนคำว่า "อธิษฐานด้วยญาณ" มีอธิบายว่า ภิกษุนี้นั้น ครั้น
ยังธรรมอันเป็นภูมิ เป็นบท และเป็นมูล แห่งฤทธิเหล่านั้นให้ถึง
พร้อมแล้ว เข้าฌานอันเป็นบาทแห่งอภิญญา ออกแล้ว ถ้าต้องการ
(ให้ต้นเป็น) ๑ ๑๐๐ คน ก็บริกรรมว่า "สต์ โหมิ สต์ โหมิ - เรา
จงเป็น ๑๐๐ คน เราจงเป็น ๑๐๐ คน" แล้วเข้าฌานอันเป็นบาท
แห่งอภิญญาอีก ออกแล้วจึงอธิษฐาน พร้อมกับจิตอธิษฐานนั่นเอง
เธอก็เป็น ๑๐๐ คนขึ้นได้ นัยแม้ใน (การอธิษฐานให้เป็น) ๑,๐๐๐ คน
เป็นต้น ก็ดุจนัยนี้ ถ้า (ทำ) อย่างนั้นยังไม่สำเร็จไซร้ จึงทำบริกรรม
แล้วเข้า (ฌาน) เป็นวาระที่ ๒ ออกแล้วจึงอธิษฐานอีกก็ได้ เพราะใน
อรรถกถาสังยุตนิกายกล่าวไว้ว่า "เข้าวาระหนึ่ง สองวาระก็ควร" ดัง
นี้ ในการอธิษฐานนั้น จิตในฌานอันเป็นบาท มี (ปฏิภาค) นิมิตเป็น
ด.
อารมณ์ จิตในบริกรรมมีคนจำนวนร้อยเป็นอารมณ์ หรือมีคนจำนวน
พันเป็นอารมณ์ (ตามที่ต้องการ) แต่ว่าอารมณ์เหล่านั้นก็เป็นแต่พรรณ
มหาฎีกาว่า "อาจารย์ลางพวกกล่าวว่า "เข้าฌาน ๔ โดยลำดับ แล้วไปออกจาก
จตุตถฌาน" คำของเกจิอาจารย์นี้ไม่ชอบ เพราะการฝึกจิต ประโยชน์อยู่ที่สามารถเข้า
ฌานได้ตามปรารถนา (คือเข้าฌานไหนก็ได้ ไม่จำต้องเข้าตามลำดับ) และฌานที่เป็น
บาทแห่งอภิญญาก็ได้แก่จตุตถฌานเท่านั้น ฌานนอกนี้หาเป็นบาทแห่งอภิญญาได้ไม่"
๒. มหาฎีกาว่า สามวาระหรือยิ่งไปกว่านั้นก็ได้ เพราะการเจริญอภิญญาก็เช่นเดียวกับ
การเจริญฌาน (กี่วาระก็ไม่เห็นจะเสียอะไร ?) คำอรรถกถาที่ว่า วาระหนึ่ง สองวาระ
ก็เป็นแต่นิทัสสนะ
อนึ่ง ตามที่กล่าวกันว่า "พระพุทธโฆสะ แต่งวิสุทธิมรรคก่อนแต่งอรรถกถา"
นั้น ถ้าคำนี้เป็นจริง ก็ไฉนจึงมีการอ้างถึงอรรถกถาเช่นนี้เล่า ?