ภาวนานัยในวิสุทธิมรรคแปล วิสุทธิมรรค ภาค 2 ตอน 2 หน้า 26
หน้าที่ 26 / 244

สรุปเนื้อหา

บทความนี้นำเสนอแนวทางการภาวนาในธาตุกรรมฐาน โดยมีการแยกประเภทธาตุตามลักษณะเช่น ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม สำหรับภิกษุที่มีปัญญากล้า การปฏิบัติจะชัดเจนมากขึ้น โดยยกตัวอย่างการสวดภาษาบาลีเป็นอุปมาเพื่อเปรียบเทียบกลยุทธ์การภาวนาให้แตกต่างตามพลังการเข้าใจของแต่ละบุคคล ผู้นำมาแยกชัดในรายละเอียดในการปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่เป็นระบบและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ฝึกภาวนาที่มีความกล้าในการปฏิบัติตาม

หัวข้อประเด็น

-ภาวนานัย
-ธาตุกรรมฐาน
-วิสุทธิมรรค
-ปัญญาของภิกษุ
-การสวดภาษาบาลี

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 26 [ภาวนานัย - วิธีภาวนา] [สังเขปนัย] ส่วนวินิจฉัยในภาวนานัยในธาตุกรรมฐานนี้ (พึงทราบดังนี้) สำหรับภิกษุผู้มีปัญญากล้า การกำหนดธาตุโดยพิสดาร (แจก ไปตามอาการ ๔๒ ) ว่า "เกสา ปฐวีธาตุ ผมทั้งหลายเป็นธาตุ ดิน โลมา ปฐวีธาตุ - ขนทั้งหลายเป็นธาตุดิน " ดังนี้เป็นต้น จะ ปรากฏเป็นชักช้าไป แต่เมื่อเธอมนสิการ (แต่โดยลักษณะ) ว่า "สิ่งที่มีลักษณะกระด้าง เป็นธาตุดิน สิ่งที่มีลักษณะซึมซาบ เป็น ธาตุน้ำ สิ่งที่มีลักษณะร้อน เป็นธาตุไฟ สิ่งที่มีลักษณะไหวตัวได้ เป็นธาตุลม" ดังนี้ กรรมฐานก็จะปรากฏแล้ว ส่วนสำหรับภิกษุ ผู้มีปัญญาไม่กล้านัก เมื่อมนสิการ (โดยย่อ) อย่างนั้น กรรมฐาน ย่อมมืดไป ไม่ชัดแจ้ง ต่อมนสิการอย่างพิสดาร โดยนัยก่อน กรรมฐาน จึงจะปรากฏ ความข้อนี้มีอุปมาอย่างไร ? มีอุปมาว่า เมื่อภิกษุ ๒ รูปสาธยายแบบ (บาลี) ที่มีไปยาลมากอยู่ ภิกษุรูปที่มีปัญญา กล้า ยังไปยาลมุข (คือตัวเต็ม) ให้พิสดาร (คือสวดเต็ม) จบอหนึ่งหรือสองจบแล้ว ต่อนั้นไปก็ทำสาธยายแต่โดยเงื่อนทั้งสอง (คือต้นกับปลาย) ไป ในเธอ ๒ รูปนั้น รูปที่มีปัญญาไม่กล้านัก จะเป็นผู้กล่าวอย่างนี้ว่า "นั่นได้ชื่อว่าสาธยายอะไรกัน ไม่ให้ทำ มาตาว่าริมฝีปากกระทบกัน (คือสวดละละไป) ไม่ทันไรก็จบเสียแล้ว ราวะว่าริมฝีปากยังไม่ทันกระทบกัน) เมื่อทำสาธยายวิธีนี้ สักเมื่อไร * ปาฐะพิมพ์ไว้ว่า วุตตา ผิด ที่ถูกเป็น วตฺตา
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More