ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 191
มีปัญหาว่า "เว้นฌานเสีย ความเกิดในพรหมโลกหามีได้ไม่
และบรรดาสัตว์ที่กล่าวมานั้น ลางพวกก็ถูกความขาดอาหารบีบคั้น ลาง
พวกก็ยังอภัพ (ไม่อาจ) ที่จะบรรลุฌานได้ สัตว์เหล่านั้นจะ (ไป) เกิด
ในพรหมโลกนั้นได้อย่างไร ?" มีคำแก้ว่า "สัตว์เหล่านั้น (ไป) เกิด
ในพรหมโลกได้ด้วยอำนาจฌานที่ตนไปได้ในเทวโลก" จริงอยู่ พวก
กามาพจรเทพ เหล่าที่ชื่อว่า โลกพยุหะ (กระบวนการกู้โลก ?) ทราบ
ว่า "โดยล่วงไปแสนปี ความสิ้นกัปจักมี" ก็ปล่อยเศียร (ไม่โพกผ้า)
สยายผม (ไม่กล้าไม่แต่ง) (ร้องไห้) น้ำตานองหน้า เช็ดน้ำตาด้วยมือ
นุ่งผ้าแดง ทรงเพศแห่งบุคคลผู้มีรูปวิกาลยิ่งนัก เที่ยวร้องบอกไปในถิ่น
มนุษย์ อย่างนี้ว่า "ชาวเราเอ๋ย ๆ แต่นี้ล่วงไปแสนปี ควา
ความสิ้นกัป
จักมีละ โลกนี้จักพินาศ มหาสมุทรเล่าก็จักแห้ง มหาปฐพีนี้และขุนเขา
สิเนรุ ก็จักถูกไฟไหม้พินาศ (สิ้น) ความพินาศจักมี (ขึ้นไป) กระทั่ง
พรหมโลก ชาวเราเอ๋ย ท่านทั้งหลายจงเจริญเมตตา จงเจริญกรุณา
จงเจริญมุทิตา จงเจริญอุเบกขาเถิด จงบำรุงมารดา จงบำรุงบิดา จง
เป็นผู้อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในสกุลเถิด" ได้ฟังคำของโลกพยุหเทพ
เหล่านั้นแล้ว พวกมนุษย์และภุมเทวดาโดยมาก เกิดความสลดใจมาก
ก็เป็นผู้จิตอ่อนโยนกะกันและกัน พากันทำบุญทั้งหลายมีเมตตาเป็น
อาทิ" (ตายแล้ว) จึงไปเกิดในเทวโลก ได้บริโภคทิพยสุธาโภชน์แล้ว
๑. มีปัญหาว่า เทพพวกนี้รู้ได้อย่างไรว่าจะสิ้นกัป ? มหาฎีกาท่านว่า อาจารย์ทั้งหลาย
กล่าวว่า "ธรรมดาเตือนให้รู้" แต่อาจารย์พวกหนึ่งก็ว่า "รู้เพราะเห็นนิมิตเช่นนั้น"
อีกพวกหนึ่งว่า "พวกพรหมส่งมาบอก"
๒. หมายถึงเมตตาชั้นกามาวจรกุศล