ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 135
ได้ ๓ โยชน์ ท้าวสุยามถือวาลวัชนี" ปัญจสิขะ บุตรคนธรรพ์ ถือ
พิณสีเหลืองดุจผลมะตูมสุก ยาวประมาณ ๓ คาพยุต ทำบูชาแด่พระ
ตถาคตเจ้า (ด้วยเสียงพิณ ?) ลงมา ขึ้นชื่อว่าสัตว์ผู้ได้เห็นพระผู้มีพระ
ภาคเจ้าในวันนั้นแล้ว ไม่ยังความกระหยิ่มต่อความเป็นพระพุทธเจ้าให้
เกิดขึ้น (เฉย) อยู่ได้ ไม่มีแล” พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงทำอาวิภาว
ปาฏิหาริย์นี้ในตอนนี้ (ตอนแรกพระโมคคัลลานทำดังกล่าวแล้ว)
อีกเรื่องหนึ่ง ยังมีพระเถระชื่อธัมมทินนะ ชาว (เมือง) ตฟังกระ
ในตามพปัณณิทวีป นั่งอยู่ ณ ลาน พระเจดีย์ในติสสะมหาวิหาร กล่าว
(แสดง) อปัณณกสูตร โดยปาฐะว่า ตีหิ ภิกฺขเว ธมฺเมหิ สมนฺนาคโต
ภิกฺขุ อปณฺณกปฏิปท์ ปฏิปนฺโน โหติ - ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
ผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติอปัณณกปฏิปทา
(ข้อปฏิบัติไม่ผิด) " ดังนี้เป็นอาทิอยู่ (พลาง) คว่ำพัดลง ที่แต่อเวจี
ขึ้นมา (แลเห็นโล่ง) เป็นลานเดียว แล้วหงายพัดขึ้น ที่แต่พรหมโลก
ลงมา (ก็แลเห็นโล่ง) เป็นลายเดียว พระเถระแสดงธรรม (โดย) สำทับ
หยุดครองจีวรแล้วจึงเข้าบ้าน แม้พระพุทธองค์ก็ทรงทำอย่างนั้น แต่ในการเสด็จลงจาก
ทวโลก ในท่ามกลางทวยเทพผู้ซึ่งล้วนแต่แต่งกายงดงาม แต่ส่วนพระพุทธองค์สิ ไม่
ทรงครอบพระจีวร ปล่อยพระองค์เถระ ๆ ลงมาอย่างนั้น จะน่าเสื่อมใสศรัทธา เป็น
ทัสนานุตริยะหรือ ?
๑. วาลวีชนี คือพัดหรือแส้ทำด้วยขนสัตว์ สัตว์บทเทวโลกไม่มี ถ้าเทวดาจะทำขึ้นใช้
ก็ต้องหาอุปกรณ์ไปจากมนุษยโลกนี้ และมีอะไรให้ปัด จึงต้องทำขึ้นใช้ บนโน้นมีแมลง
หรือไฉน ?
๒. ที่ว่า "กระหยิ่มต่อความเป็นพระพุทธเจ้า" นี้ ก็คงหมายความว่า เกิดอยากเป็นพระ
พระพุทธเจ้าขึ้นมาบ้าง หรือพูดให้เข้าแบบกว่า ปรารถนาพุทธภูมิกันไปทุกคน กิเลส
แบบนี้ (เอื้อมอาจ ?) นัยว่าเป็นกิเลสมาทางฝ่ายมหายานแต่ครั้งกระโน้น