ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 206
[กำหนดระยะกาลแห่งอสงไขยกัปในวาโยสังวัฏฏะ]
ในกัป ๔ นั้น (ระยะกาล) แต่ (เกิด) มหาเมฆล้างกัปไปจนถึง
ลมผลาญกัปบาด นี่เป็นอสงไขยหนึ่ง แต่ลมบาดไปจนถึง (เกิด) มหา
เมฆก่อเกิด นี่เป็นอสงไขยที่ ๒ แต่ (เกิด) มหาเมฆก่อเกิดไปจนถึง
ความเกิดปรากฏขึ้นแห่งจันทร์และสูรย์ นี่เป็นอสงไขยที่ ๓ แต่ความ
เกิดปรากฏขึ้นแห่งจันทร์และสูรย์ไปจนถึง (เกิด) มหาเมฆล้างกัปอีก
นี่เป็นอสงไขยที่ 4 (รวม) 4 อสงไขยนี้เป็นมหากัป ๑
ความพินาศด้วยลมและความตั้งขึ้นใหม่ (แห่งพุทธเกษตร)
บัณฑิตพึงทราบโดยนัยดังกล่าวมาฉะนั้น
[โลกพินาศด้วยอกุศลมูลเป็นเหตุ]
ถามว่า "โลกพินาศไปอย่างนั้น เพราะอะไรเป็นเหตุ” ตอบว่า
"เพราะอกุศลมูลเป็นเหตุ" แท้จริง เมื่ออกุศลมูลทั้งหลายหนาขึ้น
โลกจึงพินาศอย่างนั้น ก็แลโลกนั้น เมื่อราคะหนามากกว่า (อย่างอื่น)
ย่อมพินาศด้วยไฟ เมื่อโทสะหนามมากว่า ย่อมพินาศด้วยน้ำ แต่
อาจารย์ลางพวกกล่าวว่า "เมื่อโทสะหนามากกว่า (ย่อพินาศ) ด้วยไฟ
เมื่อราคะหนามากกว่า (ย่อมพินาศ) ด้วยน้ำ" เมื่อโมหะหนามากกว่า
ย่อมพินาศด้วยลม
* เรื่องว่าเมื่ออะไรหนาแล้วโลกย่อมพินาศด้วยอะไรนี้ ท่านไม่ชี้เหตุไว้เลย มหาฎีกา
จึงช่วยชี้ไว้ แต่ปาฐะจะตกขาดไปหรืออย่างไรทราบ เรื่องราคะหนาแล้วโลกพินาศด้วย
ไฟเพราะอะไร ไม่เห็นกล่าวไว้ กล่าวแต่โทสะ ว่าเมื่อโทสะหนาแล้วโลกพินาศด้วย
น้ำกรดนั้นชอบแล้ว เพราะน้ำกรมนั้นมันร้ายเฉียบนัก เหมือนโทสะที่เกิดแรง ๆ นั่นเอง
ส่วนวาทะของเกจิอาจารย์ที่กล่าวแย้ง มีอธิบายว่า โทสะนั้นอุปมาดังศัตรูที่ปรากฏตัว
จึงได้กับไฟ ส่วนราคะเป็นดังศัตรูที่ไม่ปรากฏตัว ได้กันกับน้ำกรด ท่านว่า "ก็ชอบ
เหมือนกัน " แต่เรื่องโมหะ ท่านไม่พูดถุงเลย.