ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ -
- หน้าที่ 11
110
[๗ กมฺมวิปากชาอิทฺธิ)
ส่วนฤทธิมีความไปทางอากาศได้เป็นอาทิ แห่งสัตว์มีนกเป็นต้น
ชื่อว่า กมฺมวิปากชาอิทธิ ดังพระบาลีว่า "ถามว่า ฤทธิเกิดด้วย
วิบากกรรมเป็นไฉน แก้ว่า ฤทธิ์ของนกทั้งปวง ของเทวดาทั้งปวง
ของมนุษย์ลางพวก ของวินิปาติกะลางเหล่า นี้เป็นฤทธิ์เกิดด้วยวิบาก-
กรรม" ดังนี้ แท้จริง ในสัตว์เหล่านั้น ความไปทางอากาศได้โดย
เว้นฌานหรือวิปัสสนาทีเดียว" แห่งนกทั้งปวง เป็น กมฺมวิปากชาอิทฺธิ
อย่างเดียวกัน ความไปทางอากาศได้แห่งเทวดาทั้งปวงและแห่งมนุษย์
ที่เกิดในปฐมกัปลางพวก ก็เป็น กมุมวิปาชาอิทธิ ฉันเดียวกัน
ความไปทางอากาศได้แห่งวินิปาติกะลางเหล่า เช่นยักษิณียังกรมาตา
ยักษิณีอุตตรมาตา ยักษิณีปุสสมิตตา ยักษิณีธัมมคุตตา เป็นอาทิต
ก็เป็น กมฺมวิปากชาอิทธิ แล
[๘ ปุญฺญวโตอิทฺธิ]
ส่วนฤทธิ์มีการไปทางอากาศได้เป็นต้น แห่งบุคคลผู้มีบุญทั้งหลาย
มีพระเจ้าจักรพรรดิเป็นอาทิ ชื่อว่า ปุญญวโตอิทธิ ดังพระบาลีว่า
๑. ขุ. ป. ๓๑/๖๐๐.
๒. มหาฎีกาว่า ฌานนี้หมายเอาฌานที่ถึงอภิญญา วิปัสสนา ก็หมายเอาวิปัสสนาแก่กล้า
เกิดอุพเพงคาปีติ ทำให้ร่างกายโลดลอยไปในอากาศได้
๓. ยักษิณีเหล่านี้ ไม่พบเรื่องเล่าไว้ จึงแปลชื่อทับศัพท์ไว้ ควรสังเกตว่า วินิปาติกะ
หมายถึงยักษ์ด้วย สัตว์จำพวกนี้แม้เกิดด้วยกุศลกรรม (จึงมีฤทธิ์) แต่ก็ตกต่ำ คือไม่
อาจเพิ่มพูนความสุขเยี่ยงผู้เกิดด้วยกุศลกรรมจำพวกอื่น ทั้งนี้ก็เพราะอำนาจวิบากของ
อกุศลอย่างหนึ่งที่ทำไว้ จึงเรียกว่า วินิปาติกะ