ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 231
ลงไปในรูปกาย เมื่อนั้นปาทุกฌานจิต ก็เป็นอารมณ์ที่ได้อุปโยคะ
(คือใช้การได้อย่างรูปกาย ?)" ดังนี้
อนึ่ง จัดเป็นอดีตารมณ์ ก็เพราะทำ (ปาทุกฌาน) จิตนั้นแหละ
ที่ล่วงไปแล้วคือดับไปแล้ว ให้เป็นอารมณ์
เป็นอนาคตารมณ์ สำหรับพระโยคีทั้งหลายผู้อธิษฐาน (ฤทธิ์)
ไว้เป็นอนาคต ดังพระเถระทั้งหลาย มีพระมหากัสสปเถระเป็นต้น
(อธิฐานไว้) ณ ที่บรรจุพระมหาธาตุ” ได้ยินว่า พระมหากัสสปเถระ
เมื่อทำการบรรจุพระมหาธาตุ ได้อธิษฐานไว้ว่า "ตลอด ๒๑๘ ปี ใน
อนาคต กลิ่นหอมทั้งหลาย (นี้) ก็อย่าได้ดับไป" ดังนี้ ของ
ทุกสิ่งนั้น ก็ได้เป็นตามที่อธิษฐานนั้นเทียว
พระอัสสคุตตเถระเห็นหมู่ภิกษุในวัตตนิยเสนาสนะ"ฉันข้าวขาวๆ
(คือข้าวเปล่า ไม่มีแกงกับคลุกเลย ?) จึงอธิษฐานไว้ว่า "(น้ำใน)
ตระพัง จงเป็นน้ำนมส้ม (ข้น ๆ คลุกข้าวได้) ในเวลาปุเรภัต ทุกวัน ๆ"
ดังนี้ น้ำ (ในตระพุงนั้น) ที่ภิกษุตักเอาในปุเรภัต เป็นน้ำนมส้มไป
ครั้นปัจฉาภัต มันก็เป็นน้ำตามปกตินั่นเอง
แต่เป็นปัจจุปันนารมณ์ ในกาลที่พระโยคีทำกายให้อาศัยจิต ไป
ด้วยอทิสสมานกาย
๑. มหาฎีกาว่า หมายถึง ที่บรรจุพระมหาธาตุ ซึ่งพระเถระใช้ฤทธิ์เชิญเอาพระธาตุใน
พระเจดีย์ที่ผู้ครองนครทั้ง 4 สร้างขึ้นเมื่อคราวแจกธาตุนั้น เว้นเจดีย์ที่รามคามเสีย
แห่ง ๑ เอาแต่ ๒ แห่ง มาบรรจุไว้ ณ พระมณฑปในกรุงราชคฤห์ (?)
๒. มหาฎีกาว่า วิหารในดงดิบ ชื่อวัตตนิยเสนาสนะ