ประวัติศาสตร์ของการเกิดสู่โลกใหม่ วิสุทธิมรรค ภาค 2 ตอน 2 หน้า 196
หน้าที่ 196 / 244

สรุปเนื้อหา

ในกาลนั้น สัตว์ที่เกิดในอาภัสสรพรหมโลกจุติลงมาเกิดในโลกมนุษย์เมื่อสิ้นอายุและบุญ พวกเขาเกิดเป็นพรหมสัตว์ที่มีแสงในตัว แต่เมื่อแสงนั้นหายไป ความมืดก็เกิดขึ้น ทำให้เกิดความกลัว กับการเกิดของดวงอาทิตย์ที่ช่วยปลอบประโลมและให้แสงสว่างใหม่แก่พวกเขา จนทำให้มีความกล้าอีกครั้ง

หัวข้อประเด็น

-ประวัติศาสตร์การเกิด
-การพัฒนาอารมณ์แห่งแสงสว่าง
-ความสัมพันธ์ระหว่างใจและกาย

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 196 [อาภัสสรพรหมลงมาเกิดและกินง้วนดินเป็นอาหาร] ก็ในกาลนั้น สัตว์ทั้งหลายผู้เกิดอยู่แต่แรก"ในอาภัสสรพรหมโลก จุติจากอาภัสสรพรหมโลกนั้น เพราะสิ้นอายุบ้าง เพราะสิ้นบุญบ้าง (มา) เกิดในโลกนี้ (โดย) เป็นอุปปาติกะ พรหมสัตว์เหล่านั้นเป็น ผู้มีแสงในตัว ท่องเที่ยวไปในท้องฟ้าได้ (คือเหาะได้) เขาทั้งหลาย ได้สิ้นง้วนดินนั้นเข้าก็เกิดหุ่นกระหาย” ลงมือ (ปั้น) กินเป็นคำๆ โดยนัยที่กล่าวในอัคคัญญสูตรนั้นแล” อยู่มาแสงในตัวของเขาทั้งหลาย อันตรธานไป ความมืดก็มีขึ้น เขาทั้งหลา เขาทั้งหลายเห็นมืดเข้าก็กลัว [เกิดดวงอาทิตย์] ต่อนั้น ดวงสูรย์ (ใหญ่) ๕๐ โยชน์เต็ม อันยังความกลัวให้หาย แล้วยังความกล้าให้เกิดแก่สัตว์เหล่านั้นได้ เกิดปรากฏขึ้น เขาทั้งหลาย เห็นดวงสูรย์นั้นแล้วก็ตื่นเต้นดีใจว่า "พวกเรากลับได้แสงสว่างแล้ว" พากันตั้งชื่อดวงสว่างนั้นว่า "สูรย์" นั่นเอง เพราะ (เนื่องด้วย) คำที่ เขาทั้งหลายกล่าวกันว่า "ดวงสว่างอันยังความกลัวของพวกเราที่กลัวอยู่ แล้วให้หาย ยังความกล้าให้เกิด (แก่พวกเรา) โผล่ขึ้นมา เพราะฉะนั้น ดวงสว่างนั้นจงชื่อสูรย์ (ผู้โผล่ขึ้นมายังความกล้าให้เกิด) เถิด" ดังนี้ คือเกิดอยู่ก่อนที่โลกพยูหเทพจะมาบอกกล่าวเรื่องกับจะสิ้น ๑. ๒. กระหาย กับระหาย ความหายต่างกัน กระหาย เป็นอาการของใจที่มีความต้องการ อยากได้อารมณ์ ส่วนระหาย เป็นอาการทางกายที่ต้องการน้ำ เพราะฉะนั้น กระหาย จึงใช้ได้กับความหมายของตัณหา. ๓. ที. ปาฏิ, ๑๑/๘๓.
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More