ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 188
ก็มี แม้ในคำว่า "๒ ชาติก็มี" เป็นต้น ก็นัยนี้
[สังวัฏกัป วิวัฏกัป]
ส่วนในคำว่า "หลายสังวัฏกัปก็มี" เป็นต้น กับเสื่อม พึงทราบ
ว่า ชื่อสังวัฏกัป กับเจริญ พึงทราบว่า ชื่อวิวัฏกัป ในสองกับนั้น
สังวัฏฏฏฐายีกัป เป็นอันถือเอาด้วยสังวัฏกัป เพราะอะไร ? เพราะ
สังวัฏฏฏฐายีกัปมีสังวัฏกัปนั้นเป็นมูล วิวัฏฏฏฐายีกัป ก็เป็นอันถือ
เอาด้วยวิวิฏกัป (เพาะวิวัฏฏฏฐายีกัปมีวิวัฏกัปเป็นมูลเหมือนกัน)
ด้วยเมื่อเป็นอย่างนั้น อสงไขยกับเหล่าใดที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย อสงไขยแห่งกัป 4 นี้ อสงไขยกัปแห่งกัป ๔ คือ
อะไรบ้าง คือสังวัฏกัป (๑) สังวัฏฏฐายีกัป (๑) วิวัฏกัป (๑)
วิวัฏฏฏฐายกัป (๑)" ดังนี้ อสงไขยกัปเหล่านั้น ก็เป็นอันได้ถือ
เอาครบ
[สังวัฏกัป ๓]
ในกัปเหล่านั้น สังวัฏกัปมีถึง ๓ ทีเดียว คืออาโปสังวัฏฏะ
(พินาศด้วยน้ำ) เตโชสังวัฏฏะ (พินาศด้วยไฟ) วาโยสังวัฏฏะ
(พินาศด้วยลม)
[สังวัฏสีมา - แดนแห่งความพินาศ
แดนแห่งสังวัฏฏะ (ด้านสูง) ที่ ๓ คือ (พรหมโลก) ชั้นอาภัสสรา
๑. สังวัฏฏฏฐายี คือระยะกาลในระหว่างเสื่อม วิวัฏฏฏฐายี คือระยะกาลในระหว่าง
เจริญ นานเป็นอสงไขย ๆ เหมือนกัน
๒. องฺ. จตุกฺก. ๒๑/๑๘๐