ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 232
เป็นอัชฌัตตารมณ์ โดยที่ทำกายและจิตของตนให้เป็นอารมณ์
ในกาลที่น้อมจิตไปตามอำนาจกาย หรือน้อมกายไปตามอำนาจจิต และ
ในกาลที่นิรมิตตนเป็นเพศต่าง ๆ มีเพศกุมารเป็นต้น แต่ในกาลที่
แสดงรูปต่าง ๆ มีช้าง ม้าเป็นต้น อันเป็นสิ่งภายนอก (กายของตน)
ก็เป็นพหิทธารมณ์ แล
ความที่อิทธิวิธญาณเป็นไปในอารมณ์ ๓ บัณฑิตพึงทราบโดยนัย
ดังกล่าวมาฉะนี้ เป็นอันดับแรก
(ทิพพโสตธาตุญาณเป็นไปในอารมณ์ ๔]
ทิพพโสตธาตุญาณ ย่อมเป็นไปในอารมณ์ ๔ โดยเป็นปริตตารมณ์
ปัจจุปันนารมณ์ อัชฌัตตารมณ์ และพหิทธารมณ์ ถามว่า เป็นไป
อย่างไร ? แก้ว่า ก็ทิพพโสตธาตุญาณนั้น เพราะเหตุที่ทำเสียงให้เป็น
อารมณ์ และเสียงเป็นปริตตธรรม (คือเป็นกามาวจร) เพราะเหตุนั้น
จึงเป็นปริตตารมณ์ แต่เพราะทำเสียงอันมีอยู่ (คือเป็นไปอยู่) นั่นเองให้
เป็นอารมณ์เป็นไป จึงเป็นปัจจุปันรมณ์ ในกาลที่ได้ยินเสียง (สัตว์)
ในท้องของตน ทิพพโสตธาตุญาณนั้นก็เป็นอัชฌัตตารมณ์ ในกาลที่ได้
ยินเสียงของผู้อื่น ก็เป็นพหิทธารมณ์แล ความที่ทิพพโสตธาตุญาณ
เป็นไปในอารมณ์ ๔ บัณฑิตพึงทราบโดยนับดังกล่าวมาฉะนี้
[เจโตปริยญาณเป็นไปในอารมณ์ ๘]
เจโตปริยญาณ ย่อมเป็นไปในอารมณ์ 4 โดยเป็นปริตตารมณ์
มหัคคตารมณ์ อัปปมาณารมณ์ มัคคารมณ์ อตีตารมณ์ อนาคตารมณ์