ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 233
ปัจจุปันนารมณ์ และพหิทธารมณ์ ปุจฉาว่า เป็นไปอย่างไร ? วิสัชนา
ว่า ก็เจโตปริยญาณนั้น ในกาลที่รู้จิตอันเป็นกามาวจรของคนอื่น ๆ
ก็เป็นปริตตารมณ์ ในกาลที่รู้จิตเป็นรูปาวจรและอรูปาวจร (ของคน
อื่น) ก็เป็นมหัคคตารมณ์ ในกาลที่รู้ (จิต) เป็นมรรคและเป็น
ผล (ของคนอื่น) ก็เป็นอัปปมาณารมณ์
ก็แลในอัปปมาณารมณ์นี้ บัณฑิตพึงทราบความแปลกกัน (ดัง)นี้
คือ ปุถุชนย่อมไม่รู้จิตของพระโสดาบัน พระโสดาบันเล่าก็ย่อม
มไม่รู้จิต
ของพระสกทาคามี... บัณฑิตจึงนำคำดังกล่าวมานี้ (เรียง) ไปจนถึง...
ของพระอรหัตต์เถิด แต่พระอรหันต์ย่อมรู้จิตของพระอริยะทั้งปวง
แม้พระอริยะชั้นสูงอื่น (มีพระอนาคตมีเป็นอาทิ) ก็ย่อมรู้จิตของพระ
อริยะชั้นต่ำ (มีพระสกทาคามีเป็นอาทิ) ก็ย่อมรู้จิตของพระ
(เจโตปริยญาณนั้น) ในกาลที่มีมรรคจิตเป็นอารมณ์ ก็เป็น
มัคคารมณ์
ය
ส่วนว่า เมื่อใดพระโยคีรู้จิตคนอื่นได้ในกาลภายใน ๗ วันที่ล่วง
แล้วก็ดี ในกาลภายใน ๗ วันที่ยังไม่มีถึงก็ดี เมื่อนั้น เจโตปริยญาณ
นั้น ก็เป็นอดีตารมณ์และอนาคตารมณ์
[ปัจจุบันจิต ๓]
เจโตปริยญาณเป็นปัจจุบันนารมณ์อย่างไรเล่า ? ชื่อว่าปัจจุบัน
(จิต) มี ๓ คือ ขณะปัจจุบัน (จิตเป็นปัจจุบันชั่วขณะ) ๑ สัตติ
* คือให้เรียงคำต่อว่า "พระสกทาคามี ก็ไม่รู้จิตของพระอนาคามี พระอนาคามีก็ไม่รู้
จิตของพระอรหันต์"