ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 141
เห็นความสละทิ้งหายใจออกหายใจเข้า
จตุกกะที่ ๔ นี้ ตรัสโดยเป็นวิปัสนาล้วน ส่วน ๓
ตรัสโดยเป็นสมถะและวิปัสนา (เจือกัน)
จตุกกะก่อน
การเจริญอานาปานสติมีวัตถุ (ลูกข้อ) ๑๖ โดยจัดเป็นจตุกกะ
(หมวดละ 4) ๔ หมวด บัณฑิตพึงทราบโดยนัยที่พรรณนามาฉะนี้
และอานาปานสตินี้ (ที่ภิกษุเจริญแล้ว) ตามวัตถุ ๑๖ อย่างนี้ ย่อม
มีผลใหญ่มีอานิสงส์มาก
(อานิสงส์อานาปานสติ
ในอานิสงส์แห่งอานาปานสตินั้น มีพรรณนาว่า ความที่อานา
ปานสตินั้นมีนิสงส์มาก บัณฑิตพึงทราบโดยเป็นธรรมที่พระผู้มี
พระภาคเจ้าทรงสรรเสริญ มีความเป็นธรรมละเมียดเป็นต้น ตาม
พระพุทธพจน์ว่า "ภิกษุทั้งหลาย แม้อานาปานสติสมาธินี้แล บุคคล
ทำให้มีทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นธรรมละเมียดแท้ด้วยประณีตแท้ด้วย"
ดังนี้เป็นต้นบ้าง โดยความเป็นธรรมสามารถในอันตัดเสียซึ่งวิตก
(มีกามวิตกเป็นต้น) บ้าง จริงอยู่ อานาปานสติสมาธินี้ เพราะเป็น
ธรรมละเมียด ประณีต และเป็นธรรมเครื่องพักอยู่อันละมุนละไมและ
เป็นสุข จึงตัดความพล่านไปมาแห่งจิตด้วยอำนาจวิตกทั้งหลายอัน
เป็นตัวทำอันตรายแก่สมาธิเสียได้ แล้วทำจิตให้มุ่งหน้าต่ออารมณ์คือ
ลมหายใจออกหายใจเข้าเท่านั้น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึง
· ส. มหาวาร. ๑๕/๔๐๗