ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 88
อย่างไร ? เฉลยว่า พระพุทธาธิบายมีอยู่ว่า "อันอานาปานสติสมาธินี้
จะได้เป็นธรรมไม่ละเมียดหรือไม่ประณีตโดยปริยายไร ๆ เหมือนอย่าง
อสุภกรรมฐาน ซึ่งละเมียดและประณีตแต่โดยปฏิเวธอย่างเดียว แต่ไม่
ละเมียดไม่ประณีตทางอารมณ์เลย เพราะมีอารมณ์หยาบ และมีสิ่งปฏิกูล
เป็นอารมณ์ (เช่นนั้น) หามิได้ ที่แท้เป็นธรรมชื่อว่าละเมียด คือ เรียบ
ราบดับเย็น เพราะทั้งละเมียดโดยอารมณ์ เพราะทั้งละเมียดโดยองค์ที่
นับว่าปฏิเวธ ชื่อว่าประณีต คือ ไม่ทำให้เบื่อ เพราะทั้งประณีตโดย
อารมณ์ เพราะทั้งประณีตโดยองค์" ดังนี้ เพราะเหตุนั้น จึงตรัสว่า
"(อานาปานสติสมาธิ) เป็นธรรมละเมียดแท้ด้วย ประณีตแท้ด้วย"
[แก้ อเสจนโก]
ส่วนในคำว่า "อเสจนโก จ สุโข จ วิหาโร เป็นธรรมเครื่อง
พักอยู่อันละมุนละไมและเป็นสุขด้วย" นั้น มีอรรถาธิบายว่า เสจนะ
(ความเปียก) ไม่มีแก่อานาปานสติสมาธินั้น เหตุนั้น อานาปานสติ
สมาธินั้นจึงชื่อว่า อเสจนโก-ละมุนละไม (เหมือนข้าวสวย) คือ
ไม่เปรอะ ไม่ปน แยกเป็นหนึ่งได้จำเพาะตัว หมายความว่า ความ
ละเมียดในอานาปานสติสมาธินี้ หามีโดยบริกรรมหรือโดยอุปจารก็ตาม
ไม่ อานาปานสติสมาธินี้ เป็นธรรมละเมียดด้วย ประณีตด้วย โดย
สภาวะของตนแท้ จำเดิมแต่อาทิสมันนาหาร (การเริ่มต้นประมวลจิต
เข้าทำกรรมฐาน) ไป ส่วนอาจารย์ลางเหล่ากล่าวว่า บทว่า
* มหาฎีกาว่า เกจิอาจารย์ที่ว่านี้ หมายถึงอาจารย์วัดอุตตรวิหาร (วัดเหนือ ?) อยู่ที่ไหน
ไม่บอก