ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 123
มนสิการ โดยวิธีนับ ทั้งกายทั้งจิตย่อมเบา สรีระเป็นประหนึ่งถึงซึ่ง
อาการลอยออยู่ในอากาศ ฉันนั้นเหมือนกัน ครั้งลมอัสสาสะปัสสาสะ
หยาบดับไปแล้ว จิตของพระโยคีนั้นก็ยังมีนิมิตแห่งลมอัสสาสะ
ปัสสาสะละเอียดเป็นอารมณ์เป็นไปอยู่ แม้นิมิตนั้นดัง จิตดวงต่อ ๆ
ไปก็ยังมีนิมิตแห่งลมที่ละเอียดยิ่งกว่านั้นเป็นอารมณ์ต่อไปอยู่นั่น ถาม
ว่า เป็นไปอย่างไร ? เฉลยว่า บัณฑิตพึงทราบว่า เป็นเหมือนบุรุษ
เคาะกังสดาลด้วยแท่นโลหะ เสียงอันดังพึ่งเกิดขึ้นฉับพลัน จิตของเขา
พึงมีเสียงหยาบเป็นอารมณ์เป็นไป ครั้งเสียงหยาบดับแล้ว หลังนั้นไป
จิตของเขาก็มีนิมิตแห่งเสียงละเอียดเป็นอารมณ์ ---- แม้เมื่อนิมิตนั้นดับ
จิตดวงต่อ ๆ ไปของเขา ก็ยังมีนิมิตแห่งเสียงละเอียดยิ่งกว่านั้นเป็น
อารมณ์ต่อไปได้ ฉะนั้น จริงอยู่ แม้พระสารีบุตรก็ได้กล่าวข้อนี้ไว้
(ในปฏิสัมภิทามรรค) ว่า "เมื่อกังส (ดาล) ถูกเคาะแล้ว---- แม้
ฉันใด" ดังนี้ เป็นต้น ความพิสดาร บัณฑิตพึงกล่าว (ตามแนว
ปฏิสัมภิทามรรคนั้น) เถิด
[ลักษณะที่ต่างจากกรรมฐานอื่น]
กรรมฐานนี้ หาเป็นอย่างกรรมฐานอื่น ๆ ซึ่ง (เมื่อเจริญไป)
ยิ่งชัดแจ้งยิ่งขึ้นไม่ ส่วนกรรมฐานนี้ เมื่อเจริญยิ่งขึ้นไป (กลับ)
ถึงซึ่งความละเอียดลงจนถึง (ลม) ไม่ปรากฏไปเลย แต่เมื่อกรรม
ฐาน (ลม) นั้นไม่ปรากฏไปอย่างนั้น ภิกษุนั้นก็อย่าเพื่อลุกจากที่นั่ง
สลัดจัมขัณฑ์ไปเสีย ถามว่า จะพึงทำอย่างไรเล่า ? เฉลยว่า อย่า