ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 107
ๆ
ทีเดียว" คำที่กล่าวมานี้เป็นมติของพระทีฆภาณกะ (ผู้กล่าวคัมภีร์
ทีฆนิกาย) และพระสังยุตตภาณกะ (ผู้กล่าวคัมภีร์สังยุตนิกาย) ก่อน
ฝ่ายพระมัชฌิมภาณกะ (ผู้กล่าวคัมภีร์มัชฌิมนิกาย) ทั้งหลาย ประสงค์
เอาว่าแม้ในอุปจารแห่งฌานชันสูง ๆ ก็ละเอียดกว่าตัวฌานชั้นต่ำ
(โดยลำดับกัน) เช่นว่า "ในปฐมฌานก็ยังหยาบ ในอุปจารแห่ง
ทุติยฌานจึงละเอียด" ดังนี้ (เป็นตัวอย่าง) แต่ว่าโดยมติของ
อาจารย์ทั้งหมดด้วยกัน คงได้ความว่า กายสังขารอันเป็นไปในกาลที่
ยังมิได้กำหนดถือเอา (พระกรรมฐาน) ไประงับลงในกาลที่กำหนด
ถือเอา (พระกรรมฐาน) แล้ว กายสังขารอันเป็นไปในกาลที่
กำหนดถือเอา (พระกรรมฐาน) ก็ไประงับลงในอุปจารแห่งปฐมฌาน
ฯลฯ กายสังขารอันเป็นไปในอุปจรแห่งจตุตถฌาน ก็ไประงับลงใน
จตุตถฌาน" ดังนี้แล นี่เป็นนัยทางสมถะ เป็นอันดับแรก
[นัยทางวิปัสนา]
ส่วนในทางวิปัสนา กายสังขารอันเป็นไปในตอนที่ยังมิได้
กำหนดก็ยังหยาบ ในตอนที่กำหนดมหาภูตรูปเข้าจึงละเอียดลง แม้
กายสังขารในตอนที่กำหนดมหาภูตรูปนั้น ก็นับว่ายังหยาบอยู่ ต่อ
ตอนที่กำหนดอุปาทารูปจึงละเอียดเข้า กายสังขารในตอนที่กำหนด
อุปาทารูปนั้นเล่าก็นับว่ายังหยาบอยู่ ถึงตอนที่กำหนดสกลรูปนั้น
* คือมติแรกท่านถือว่าตัวฌานชั้นต่ำกับอุปจารชั้นต่อไปนั้นเท่ากัน ส่วนมติหลังถือว่าอุปจารฌาน
ชั้นสูงย่อมสุขุมกว่าตัวฌานชั้นต่ำ ไม่เท่ากัน